วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Fatal Frame 4 วิเคราะห์กล้อง Obscura , Gameplay และอื่นๆ


 

           ใน Fatal Frame จะมีอาวุธประจำซีรี่ย์อยู่อาวุธหนึ่งที่ใช้กันมาทุกภาค ทุกคนที่คุ้นเคยกับซีรี่ย์นี้จะเรียกอาวุธนี้ว่า กล้อง Obscura หรือที่เรียกในภาษาไทยว่ากล้องทาบเงา (แต่ผมเรียกกล้อง Obscura นี่แหละ เพราะคนที่เล่นเกมน่าจะคุ้นเคยกว่า) โดยในภาค 4 นี้ จะมีกล้อง Obscura ถึง 2 ตัวด้วยกัน โดยตัวแรกจะเป็นกล้องของเกาะที่มาโดกะใช้ ก่อนที่รุกะนางเอกสุดสวยจะมาเอาไปใช้แทน ส่วนอีกตัวเป็นกล้องประจำตระกูลอาโซของมิซากิ


-------------------------------------------------------------------------------------------------



กล้อง Obscura ของรุกะ






        ในด้านประวัติของกล้อง ผมจะเล่าคร่าวๆ ให้ฟังเพราะผมเคยเขียนแบบจัดเต็มไปแล้ว อ่านได้ที่ [(เนื้อเรื่อง)Fatal Frame 4 Part 1 (กดหมวด Story ทางด้านขวาแล้วหาเนื้อเรื่อง Fatal Frame 4 Part 1 หรือกดลิงค์ =>  Click)]

         กล้องที่รุกะใช้เป็นกล้องตัวแรกของภาค 4 และเป็นกล้องตัวที่ 5 ของซีรี่ย์ กล้องนี้ถูกสร้างขึ้นโดย ดร.อาโซ คุนิฮิโกะ เจ้าเดิม ก่อนที่จะส่งให้เกาะเพื่อไว้เป็นที่ระลึก กล้องตัวนี้ดร.อาโซ ได้ออกแบบโดยใส่ลวดลายศิลปวัฒนธรรมของเกาะลงไป ลองสังเกตดูจะเห็นว่ามีลวดลายลักษณะคล้ายเมฆที่โดนแสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทำให้กลายเป็นสีทอง


โหมด ViewFinder ของกล้องรุกะ






 โหมด ViewFinder แบบปกติ ขณะต่อสู้กับวิญญาณ

               ในภาคนี้เป็นภาคที่ทำลงเครื่อง Wii โดยเฉพาะ มีการเปลี่ยนมุมกล้องจากมุมกล้องแบบกล้องวงจรปิดเป็นมุมมองข้ามไหล่ ทำให้กล้องต้องเปลี่ยนแปลงให้มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆ เล็กน้อย โดยสิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ Filament ที่มีไว้บอกตำแหน่งวิญญาณ  จากไฟอันเดียวเปลี่ยนเป็นไฟแบบ 4 ทิศทาง ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการระบุตำแหน่งวิญญาณ (ในภาคเก่าๆ ยังพอเอากล้องลงและหาตำแหน่งวิญญาณได้ แต่ภาค 4 ถ้าเอากล้องลง หันไปหันมามองหาศัตรูแบบไม่รู้หลักแหล่งคงโดนผีพุ่งใส่กันพอดี) แทนที่เราจะหันไปหันมาเพื่อหาตำแหน่งที่ไฟสว่างที่สุดเหมือนภาคก่อนๆ ในภาคนี้ เราสามารถรู้ตำแหน่งได้เลย แต่อย่าชะล่าใจล่ะเพราะบางครั้งอาจจะเกิดเหตุการณ์ไฟติดทั้ง 4 ทิศได้เหมือนกัน

               อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากภาคอื่นอย่างเห็นได้ชัดคือ Capture Circle ใช่แล้ว วงกลมชาร์จพลัง ปกติ Capture Circle จะมาในรูปแบบอักษรอักขระโบราณ แต่ในภาคนี้ กล้องของรุกะ อักขระเหล่านั้นจะถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์ตามธีมของเกม(ถ้ากล้องยังไม่เคยอัพเกรดจะมีดวงจันทร์แค่สองดวง ถ้าอัพเกรดจนเต็มจะมีจำนวนเหมือนภาพที่ผมเอามาให้ดู) โดยรูปแบบการชาร์จจะมีหลักการเหมือนปรากฏการณ์ข้างขึ้นของดวงจันทร์ คือมืดไปจนสว่างเต็มดวง และเมื่อชาร์จจนเต็มทุกดวง ViewFinder ของคุณก็จะ Zoom ไปยังวิญญาณที่โฟกัส ดังภาพด้านล่าง



                 อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดพอๆ กันนั่นก็คือจังหวะ Fatal Frame ในภาคปกติ ถ้าคุณได้ฟังชั่นก์ Alarm ที่ช่วยเตือนจังหวะ Fatal Frame มันก็จะเป็นแค่ ไฟกระพริบพร้อมกับเสียงปิ๊งๆ ใต้ Filament เท่านั้น  แต่ในภาคนี้ได้มีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาทำให้จังหวะ Fatal Frame ดูชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม นั่นก็คือ ลายสายฟ้าาาาาาาาา!!!! (ดังภาพด้านล่าง)


 หลังจากที่ผมแคปภาพนี้เสร็จ ผมก็โดนกอดไปโดยปริยาย(ฮา)

              จังหวะ Fatal Frame ในภาคนี้แตกต่างจาก 3 ภาคแรก ตรงที่เวลาเราถ่าย Fatal Frame วิญญาณจะถอยหลังไป แล้วเราจะสามารถถ่ายได้ต่อเรื่อยๆ ตามจังหวะ จนกว่าวิญญาณตนนั้นจะกระเด็นเข้ากำแพงหรือหลุดเฟรมไกลเกินไป แต่ในภาค 4 เมื่อเราถ่าย Fatal Frame ได้ จะเป็นการเปิดช่วงเวลา Fatal Time นั่นหมายความว่าก่อนที่เวลาจะหมด เราต้องถ่าย Fatal Frame ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง


กล้อง Obscura ของมิซากิ

กล้องของมิซากิ

กล้องตัวที่ 2 ของภาค และตัวที่ 6 ของซีรี่ย์ อีกหนึ่งกล้องต้นแบบของ ดร.อาโซ ที่ดูจากรูปร่างแล้วล่ะก็รู้เลยว่าผ่านการใช้งานมามากมาย เพราะเก่ามากกก กล้องตัวนี้มีลักษณะเป็นเหล็กสีทองขึ้นสนิมตามอายุของมัน และอีกทั้งเป็นกล้องที่สืบทอดกันต่อมาในตระกูล ที่มิซากิเอามาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะอีกด้วย


โหมด ViewFinder ของกล้องมิซากิ


 กล้องของมิซากิจะคล้ายๆกับรุกะ ต่างกันแค่พื้นหลังและ Filament ที่รูปลักษณ์ดูคล้ายคลึงกับปุ่มลูกศร D-pad ของจอยเกม Playstation  แต่สิ่งหนึ่งที่ดูแปลกตาและแหวกแนวจากชาวบ้านก็คือ Capture Circle!
          กล้องของมิซากิจะมีอักขระเข้ามาเหมือนกล้องตัวอื่น ถ้ากล้องยังไม่เคยอัพเกรด จะมีอักขระ 2 ตัว ตัวละด้าน และวงกลม(ที่เกือบจะเต็มวง)ที่ใช้ชาร์จ จะมีถึง 2 วงด้วยกัน (สุดท้ายแล้วก็ต้องชาร์จให้เต็ม 2 วงอยู่ดี ถึงจะได้ Maxshot)




เมื่อชาร์จเต็มแล้ว ViewFinder ของคุณจะมีหน้าตาแบบภาพด้านล่าง




ส่วนจังหวะ Fatal Frame รูปร่างก็เหมือนของรุกะลายสายฟ้าเหมือนกัน

หมออย่าเพิ่งฉีดไฟฉายนะหมอ!

แล้วอีกอย่างที่พิเศษคือ ภาคนี้ ฟิล์ม 07 ไม่จำกัดจ้า


-------------------------------------------------------------------------------------------------

Upgrade

             การอัพเกรดกล้องทั้งสองในภาคนี้ จะไม่ได้ใช้แต้มที่ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ แต่ใช้ Blue Crystal ที่เก็บได้ตามทางแทน(ในขณะที่สีแดงใช้อัพเลนส์) กล้องทั้ง 2 จะมีคุณสมบัติคล้ายๆกัน โดยกล้องแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติ 5 อย่าง คือ

Power(Lv.3)
เพิ่มความแรงในการถ่ายภาพ (เพิ่มอักขระ เพิ่มดวงจันทร์)

Speed(Lv.3)
ความเร็วในการชาร์จพลัง

Reload(Lv.3)
ความเร็วในการรีโหลดฟิล์ม

Capacity (Lv.2)
เพิ่มช่องบรรจุลูกแก้ววิญญาณ Spirit Power

Absorb (เฉพาะรุกะ) (Lv.3)
ทำให้ได้รับ Spirit Power เพิ่มขึ้น

Range (เฉพาะมิซากิ) (Lv.3)
ขยายขนาด Capture Circle


*ที่จริงแล้วจะมีอาวุธอีกอันหนึ่งที่โหดไม่แพ้กล้อง Obscura เลย เอาจริงๆ โหดกว่าเลยด้วยซ้ำ นั่นคือไฟฉายวิญญาณ ของเฮียคิริชิม่า แต่ผมขอแยกเอาไว้บทความหน้าดีกว่า มาพูดถึงกล้องให้หมดกันก่อน


-------------------------------------------------------------------------------------------------

เลนส์

   ผมทำ List ไว้แล้ว กดที่นี่ = > Click


ฟังชั่นก์

   ผมทำ List ไว้แล้ว กดที่นี่ = > Click


-------------------------------------------------------------------------------------------------

Gameplay

               อย่างที่รู้ๆกันว่า ภาค 4 ได้มีการเปลี่ยนมุมกล้องใหม่เป็นมุมมองข้ามไหล่ ซึ่งผมคิดว่ามันก็ใช้ได้เลยนะ แล้วทางผู้สร้างเองก็ได้เพิ่มระบบการเก็บของแบบใหม่ อย่างภาคก่อนๆ เราเข้าไปสำรวจกดเก็บของมันก็เก็บให้เลย แต่ภาค 4 เราจะต้องใช้ไฟฉายส่องไปที่ไอเทมถึงจะเห็น และตัวละครจะต้องเอื้อมมือไปช้าๆ วันดีคืนดี ตอนที่เราเอื้อมมือเก็บของอาจจะมีมือวิญญาณเข้ามาจับเรา ทำให้เราตกใจเล่น (อันนี้ไม่เท่าไหร่ มันดันขโมยของเราด้วยนี่สิ) ทำให้ผู้เล่นต้องลุ้นจนตัวสั่นเลยเวลาจะเก็บไอเทม (แนะนำให้กดรัวๆ ยึกๆยักๆ จะหลบได้ หรือไม่ก็ถ้าสังเกตเห็นมือกำลังจะมาจับ ก็ปล่อยจอยได้เลย แล้วรอเก็บใหม่) แน่นอนว่า ภาคนี้มันจะโผล่มาเฉพาะไอเทมอัพเกรดกับยาเท่านั้น Key Item หรือไฟล์ จะไม่โผล่ออกมา

               นอกจากระบบเก็บของแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มมาใหม่ในภาคนี้เลยคือ ระบบซื้อของ โดยใช้คะแนนวิญญาณ Spirits Point ที่ได้มาจากการต่อสู้กับวิญญาณ โดยร้านขายของจะสามารถเข้าได้ผ่านทางโคมไฟที่เป็นจุดเซฟนั่นเอง มีของขายหลายอย่างตั้งแต่ยาฟื้นฟูเลือด อาทิเช่นสมุนไพรและน้ำมนต์ (ผักพร้อมน้ำพร้อมก็อิ่มแล้ว)ยันฟิล์มที่แรงมากๆ อย่างฟิล์ม 90 ได้ ถ้ารวยมากก็ซื้อฟิล์มตัน 99 ได้เลย

           การต่อสู้กับวิญญาณ ในภาคนี้ได้เพิ่มระบบ Lock-On เข้ามา(ระบบเล็งแบบติดตามเมื่อวิญญาณอยู่ในเฟรม) ซึ่งทำให้ง่ายในการต่อสู้ แต่เพราะมันง่ายแบบนี้ เขาเลยเขียนสคริปให้วิญญาณหายตัวไปตั้งหลักที่อื่นทุกครั้งหลังโดนถ่ายจนชะงัก ไม่เหมือนภาคก่อนๆ ที่ถ่ายผีจนชะงักไปด้านหลังแล้วมันก็ยังอยู่ที่เดิม ซึ่งการทำให้วิญญาณหายตัวไปตั้งหลักทุกครั้ง ก็ทำให้ผู้เล่นลุ้นมากว่าวิญญาณจะโผล่มาทางไหน บางทีหายไปตั้งหลัก แล้วกล้องก็ตรวจจับไม่ได้ เป็นไฟกระพริบ 4 ทิศอีก ระทึกกว่าเก่าอีก
อีกอย่าง ถ้าวิญญาณหายไปจากเฟรมเมื่อไหร่ เกจชาร์จกล้องจะหายเกลี้ยงทันที ไม่เหมือนภาคก่อนๆ ที่สะสมเกจรอได้

          แล้วถ้าใครคิดว่าวิญญาณภาคนี้เชื่องช้าล่ะก็คุณคิดผิด เพราะวันดีคืนดีเวลามันจะเร็ว มันเร็วสุดๆ ยกตัวอย่างเช่น หญิงสาวชุดขาวกระโปรงแดงโทนมืดๆ(ขอไม่เอ่ยนาม แต่ใบ้ว่าซื้อชุดให้นางได้) นางกำลังเดินเข้ามาหาคุณอย่างช้าๆจ้องหน้าคุณ ในขณะที่คุณกำลังชะล่าใจและรอจังหวะสวยๆ ทันใดนั้นเองเธอก็หายตัวมาโผล่ข้างๆคุณแล้วพุ่งใส่คุณอย่างรวดเร็ว บางทีนางก็ไม่หายตัวนะ นางเดินมาช้าๆ แล้วอยู่ดีๆก็วิ่งพุ่งเข้ามาเลย(เร็วมาก) ซึ่งทำให้มีเวลาถ่ายจังหวะ Fatal Frame นิดเดียวเอง เจออย่างงี้ก็มีสะดุ้งกันบ้างล่ะกำลังเล็งอยู่ดีๆ พุ่งมาเฉย

          วิญญาณบางตัวก็มีสกิลพิเศษ อย่างเช่นหมอโชจิ (เอาตัวที่ผมไปสู้เมื่อกี้มาเนี่ยแหละ) เขาจะมีสกิลฉายไฟฉายทำให้หน้าจอเราสีขาว คือขาวแบบเรามองเห็นได้ ซึ่งไอสกิลส่องไฟฉายนี้เนี่ยทำให้กล้องของเราไม่สามารถ Lock-On แกได้ เราต้องเล็งเอง และโชจิก็เป็นวิญญาณตัวหนึ่งที่ถ้าอยากจะเร็วก็เร็วมากเหมือนกัน ผมเคยโดนแกคอมโบวิ่งโฉบ 3 ที ใน Mission Mode เร็วก็จริงแต่ดาเมจไม่แรงมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีอะไรโหดเท่ากับการโดนผีรุมอยู่ดี

        การถ่ายช็อท Fatal Frame ในภาคนี้จะไม่เหมือนภาคเก่าๆ เมื่อคุณกดถ่าย Fatal Frame ติด คุณไม่จำเป็นต้องเว้นช่วงเหมือนภาคก่อนๆ ถ่ายติดปุ๊บกดรัวๆเลย เพราะกล้องมัน Lock-on ทันที Fatal Time มันก็สั้นนิดเดียว อย่างมากสุดก็สามครั้ง แต่ถามว่าแรงมั้ย แรงมากครับ ยิ่งใช้คู่กับเลนส์


-------------------------------------------------------------------------------------------------


Shot ต่างๆ ใน Fatal Frame 4

          ถ้าพูดถึง Shot ใน Fatal Frame แล้ว เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึง Fatal Frame Shot หรือ Zero Shot กัน แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่านอกจาก 2 Shot นี้แล้ว ยังมี Shot อีกมากมายหลาย Shot ที่อยู่ในซีรี่ย์นี้ และเพื่อนๆก็คงอยากจะรู้ว่าแต่ละ Shot ได้มากันยังไง ซึ่งผมจะมาเขียนชื่อ Shot ต่างๆ ของกล้อง Obscura ที่ปรากฏอยู่ใน Fatal Frame 4 ให้ดูนะครับ ในภาคนี้จะมี Shot ทั้งหมด 18 รูปแบบ

1. Close Shot
    ได้มาจากการถ่ายวิญญาณในระยะที่ใกล้มาก

2.  Max Shot
    ได้มาจากการถ่ายวิญญาณในขณะที่เกจ Capture Circle ชาร์จเต็ม

3. Zero Shot*
     ได้มาจากการถ่ายภาพวิญญาณ ในช่วงเวลา Zero Shot โดย Capture Circle จะต้องชาร์จเต็มและมีปฏิกิริยาเปล่งแสง

4. Double Shot
    ได้มาจากการถ่ายวิญญาณพร้อมกันสองตัว

5. Double Kill
   ได้มาจากการปราบวิญญาณพร้อมกันสองตัว

6. Triple Shot
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณพร้อมกันสามตัว

7. Triple Kill
     ได้มาจากการปราบวิญญาณพร้อมกันสามตัว

8. Fatal Frame Shot
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ ในจังหวะ Fatal Frame

9. Fatal Time Kill
     ฆ่าวิญญาณด้วย Fatal Frame Shot

10. Surprise Shot
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ หลังจากที่สลัดวิญญาณหลุด ภายในเวลา 30 วินาที

11. Boost Shot
    ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ เมื่อใช้เลนส์ประเภท Boost Damage เช่น Blow 撃Blast 刻 , Zero 零 หรือ Crush滅

12. Rorschach Shot
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ ในขณะที่วิญญาณกำลังผลิบาน

13. Shutter Chance*
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ ในขณะที่เกจพลังของกล้องชาร์จเต็ม หรือซูมไปยังหน้าวิญญาณ สังเกตได้จากกรอบ Capture Circle จะเป็นสีม่วงชมพูๆสว่างๆ

14. Escape Shot
     ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ หลังจากที่โยกหลบการโจมตีทันที

15. Just Kill
     ทำดาเมจใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจมีค่ามากกว่าพลังชีวิตของวิญญาณเล็กน้อย

16. OverKill
     ทำดาเมจมหาศาลใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจนั้นมีค่ามากกว่าพลังชีวิตที่เหลืออยู่ของวิญญาณเป็นอย่างมาก

17. Special Kill
    ฆ่าวิญญาณ ด้วยการใช้เลนส์ต่างๆ หรือ Shot พิเศษ อาทิเช่น Zero Shot หรือ Fatal Frame Shot

18. Combo Hit
    ได้มาเมื่อถ่ายติด Fatal Frame เป็นคอมโบติดต่อกัน

           * Zero Shot และ Shutter Chance ผมขอมาอธิบายขยายความหน่อย เพราะเวลากล้องเกิดปฏิกิริยา Zero Shot กับ Shutter Chance  ส่วนมากมันจะไม่เกิดเพียงแค่ Shot เดียว มันมักจะมีปฏิกิริยาของ Shot อื่นเข้ามาด้วย จึงทำให้มันไม่ได้เป็นที่น่าสังเกตอะไรมาก ผมจึงขอแยกมาเขียนไว้ตรงนี้ 

             ตอนผมเล่นผมได้สังเกตถึงบางอย่าง ผมมั่นใจว่าเมื่อคุณถ่าย Max Shot คุณจะได้ Zero Shot และ Shutter Chance แถมมาด้วย เพราะ เวลาคุณชาร์จกล้องจนเต็ม เกจ Capture Circle ของคุณรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่นของรุกะ ดวงจันทร์จะสว่างพร้อมกับออกมาจากกรอบวงกลม แล้วยังซูมไปที่หน้าวิญญาณอีก(เลื่อนกลับขึ้นไปดูรูปภาพด้านบนได้ครับ) ซึ่งมันจะตรงกับเงื่อนไขในการเกิด Zero Shot และ Shutter Chance ครับ 

           ถ้าเกิดสงสัยสงสัยว่า Zero Shot ภาคนี้มาคู่กับ Shutter Chance ตลอดเลยหรือเปล่า ผมก็จะตอบว่า ไม่เสมอไปครับ อย่างเช่น ถ้าถ่ายจังหวะ Fatal Frame ครั้งแรก ในขณะที่เกจชาร์จพลังไม่เต็ม กล้องจะซูมไปที่หน้าวิญญาณโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้เกิด Shutter Chance ได้ แต่ไม่เกิด Zero Shot เพราะไม่ตรงเงื่อนไข แต่ในคอมโบที่สอง กล้องจะชาร์จเต็มโดยอัตโนมัติ ครั้งนี้เราก็จะได้ทั้ง Fatal Frame Shot, Combo Hit, Max Shot, Zero Shot และ Shutter Chance แล้วถ้าวิญญาณตายพอดี เราก็จะได้ Fatal Time Kill, Special Kill และ Just Kill หรือ Overkill(อันใดอันหนึ่ง) แถมไปอีกสาม Shot ด้วย ปล. ถ้าถ่าย Fatal Frame ไม่ทัน หรือถ่ายตอนศัตรูกำลังจะโจมตีแต่ยังไม่เข้าจังหวะ Fatal Frame ก็จะทำให้ติด Shutter Chance แบบเดียวได้เช่นกัน


-------------------------------------------------------------------------------------------------


Trick การใช้กล้องคู่กับเลนส์ ทำยังไงให้เล่น Nightmare ได้ Safe และง่ายสุดๆ 


         ในที่สุดก็มาถึงช่วงสุดท้าย ถ้าอยากเล่นเกมนี้ให้ 100% ปราการด่านสุดท้ายก็มักจะเป็น"ความยากระดับ Nightmare!" ปกติเวลาเราจะเคลียระดับยากสุด เราก็คงจะเตรียมพร้อมเอาฟังชั่นก์ที่โคตรโกงอย่าง Festival ติดตัวไป แต่จะทำยังไงถ้า Festival มันติดบัค! ปลดล็อคไม่ได้ นั่นสิ จะทำยังไงดีล่ะฝีมือก็ระดับกลางๆ ไม่เก่งเหมือนพวกมือโปรอะไรมาก จังหวะ Fatal Frame ก็มาเร็วไปเร็วอย่างกับ The Flash แถมแค่ตอนที่ 4 ก็เจอวิญญาณสู้ยากๆ อย่างคาเงริ และวาตาชิเข้ามารุมซะแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึง คานาเดะเรนเจอร์ที่อยู่ในตอนที่ 9  หรือผู้ช่วยคุณพ่อ หรือพ่อนางเอกเลย

        ไม่ต้องกังวลไปครับ ผมมีหนทางที่จะมาทำให้มันผ่านไปได้ แบบง่ายที่สุด และ Safe สุดๆ แน่นอนว่าก่อนเราจะเล่นไนท์แมร์ของเราก็ต้องอัพเต็มหมดแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เหลือก็คือกลยุทธ์ ผมจึงขอแนะนำให้ตุนยา ตุนฟิล์ม 90 ไว้ให้เต็ม 99 อัน ยิ่งถ้ามีฟิล์ม Type-Zero เยอะๆ ยิ่งดี (ซึ่งฟิล์ม 90 มันน่าจะเต็มตั้งแต่เล่นรอบแรก หรือรอบที่สองแล้ว)

         ทำไมถึงต้องตุนไอเทม นั่นก็เพราะว่าความยากระดับ Nightmare เราซื้อของไม่ได้นั่นเองครับ มันคือการเล่น Fatal Frame แบบฉบับเก่าเลย หาของเองใหม่ทั้งหมด แต่การตุนของนั้นใช้ได้เฉพาะกับรุกะเท่านั้นนะครับ สำหรับมิซากิฟิล์มจากเกมรอบที่แล้วจะไม่ตามมา เพราะฉะนั้นคุณต้องเก็บฟิล์มตามทางเช่นเคย ถ้าคุณจำได้ว่าตำแหน่งยาอยู่ตรงไหนแล้วล่ะก็นะ

         แต่ถ้าคุณโหดมากเล่น Mission Mode ได้ S ทุกมิชชั่น ผมก็แนะนำให้ใช้ฟังชั่นก์ Infinity ได้เลย(ส่วนตัวแล้วผมว่า Mission Mode ภาคนี้ ทำแรงค์ S ได้ง่ายสุด ส่วนมากเล่นรอบเดียวก็ได้ S แล้ว) ฟังชั่นก์ Infinity มีผลทำให้ถ่ายรูปแล้วเราจะไม่เสียฟิล์ม ผมจึงขอแนะนำเลยว่าไปเล่น Mission Mode ให้ได้ S หมดก่อนดีกว่า ส่วนเฮียโจชิโร่ ตัวเขาโหดอยู่ละปล่อยเขาไป ยืนฉีดไฟฉายโง่ๆ ก็ผ่านได้เหมือนเดิม


         หลังจากที่เราเตรียมไอเทมกันแล้ว สิ่งต่อไปที่จะแนะนำก็คือเลนส์ 3 เลนส์ที่ควรเอามาใช้เพราะฟังชั่นก์ยังไงเราก็เปิดหมดทุกอันอยู่แล้ว


            เลนส์แรกเลยที่แนะนำ เป็นเลนส์เฉพาะสำหรับรุกะ เลนส์ Boost 貫สีชมพูครับ เอฟเฟคของเลนส์นี้คือทำให้วิญญาณติดสถานะได้รับดาเมจมากขึ้น แล้ววิญญาณตนนั้นจะมีออร่าสีชมพูๆ ทำให้เราสังเกตได้ง่ายขึ้น ดังภาพข้างล่าง



           ส่วนมิซากิจะไม่มีเลนส์ Boost ครับ แต่เธอจะมีเลนส์ Track 捉 สีเขียวแทน ความสามารถคือ เล็งไปหาวิญญาณที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติเมื่อกดปุ่มใช้เลนส์ ไม่ว่าคุณจะส่องกล้องไปที่ไหนก็ตาม ส่องไปนอกหน้าต่าง ส่องเครื่องบิน ส่องพระจันทร์ เพียงคุณกดปุ่มใช้เลนส์ปุ่มเดียว มิซากิก็จะหันไปหาวิญญาณให้เลย มีประโยชน์มากๆ


รุกะ : หน้าตาเลนส์ Boost และ Track ค่ะ



          เลนส์ที่ 2 เลนส์สุด MVP เลย ถ้าเจอวิญญาณที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว,เก่งกาจ หรือตกอยู่ในสถานการณ์โดนรุม เลนส์ที่จะมาจัดการกับเรื่องนี้ได้คือ เลนส์ Slow 遅  สีแดง (ใช้ Spirit Orbs 2 ลูก) ที่เก็บได้ในตอนที่ 4 และ 5 (อยู่ดีๆ ก็ทำให้ผมนึกถึงตอนเล่น ไฟนอลภาค 4 Final Fantasy 4 และ Fatal Frame 4 มีตัวย่อ FF4 เหมือนกัน แถม Slow ก็ยัง op สุดๆ เหมือนกันอีก )


รุกะ : หน้าตาเลนส์ Slow ค่ะ


         เลนส์นี้จะช่วยได้มากอีกทั้งรุกะและมิซากิจะมีเลนส์นี้อยู่ด้วย เอฟเฟคของเลนส์นี้คือทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้า ฟังดูง่ายๆ แต่มันทำอะไรได้มากกว่านั้น ถ้าเราใช้เลนส์ Slow สิ่งที่เราหวังก็คือการถ่าย Max Shot ให้ได้มากที่สุดระหว่างที่เอฟเฟคทำงาน
        คุณจะอัดเลนส์ Slow ใส่วิญญาณตอนไหนก็ได้ ตอนที่ถ่ายคอมโบเสร็จ หรือตั้งแต่แรกที่เจอมันเลย เพราะเมื่อวิญญาณชะงัก มันก็จะหายตัวไปตั้งหลัก แต่ถ้าเราใช้เลนส์ Slow ตอนที่มันชะงัก มันก็จะทำให้การกระทำของวิญญาณทุกอย่างช้าไปหมด รวมถึงการหายตัวไปตั้งหลักด้วย ในจังหวะนั้น คุณก็จะมีโอกาสถ่าย Max Shot ได้อย่างมาก 2 Shot หลังจากนั้นเกจลูกแก้ววิญญาณก็จะรีฟิลพอดี  พอเอฟเฟคหมด คุณก็อัด Slow เข้าไปอีกครั้ง แล้วก็ถ่าย Maxshot เข้าสู่ลูปเดิม ทำให้วิญญาณไม่มีโอกาสไปตั้งหลัก  เป็นการเล่นที่ Safe มากเลยทีเดียว  (แต่ถ้าเกิดหลุดลูปก็ไม่ต้องกลัวไป เพราะเราเล่นมาขนาดนี้ก็น่าจะมีฝีมือประสบการณ์มาบ้างแล้วล่ะเนาะ หาทางตั้งหลักได้เดี๋ยวก็เข้าลูปเหมือนเดิม)


        เลนส์ที่ 3 เลนส์สุดท้าย ผมแนะนำให้ใส่อะไรก็ได้ที่เป็นเลนส์ประเภท Boost Damage ปิดฉากปิดคอมโบ อย่าง Blow 撃, Blast 刻 , Zero 零 หรือ Crush滅 ประสิทธิภาพก็บอกอยู่แล้ว ทำดาเมจได้แรงขึ้นในหนึ่งช็อท โดย Blow จะเป็นการทำดาเมจตามลูกแก้ววิญญาณ(Spirit orbs)ทั้งหมดที่มี ส่วนอีกสามเลนส์นั้นจะมีความแรงตามระดับ โดย Crush>Zero>Blast สำหรับ Blast  ถึงจะเบาสุดก็จริง แต่ใช้ลูกแก้ววิญญาณแค่ลูกเดียว ในขณะที่ Crush แรงสุดก็จริง แต่ใช้ลูกแก้วเยอะมากถึง 4 ลูก ส่วน Zero ใช้ 3 ลูก ทำให้ผมคิดว่า Blast อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Crush เพราะบางทีเวลาเราใช้ Slow กับ Boost มันอาจจะทำให้ไม่มีลูกแก้ววิญญาณพอที่จะใช้ Crush ยังไงล่ะ สรุปคือผมแนะนำให้ใส่  Blast 刻 หรือ Blow 撃 จะดีกว่า (แต่หลักๆ ผมใช้ Blow 撃)

      เพิ่มเติม สำหรับมิซากิ เลนส์ที่ 3 จะใส่เลนส์ Exclusive อีกเลนส์ ที่เรียกว่า Pressure 圧 แทนเลนส์ประเภท Boost Damage ก็ได้ ประสิทธิภาพของเลนส์นี้คือ ผลักให้วิญญาณถอยหลังออกไป เลนส์นี้ควรใช้กับวิญญาณตัวเดียวกำจัดง่ายๆ วิธีใช้ง่ายๆ คือ ตอนถ่าย Max Shot หรือจบคอมโบ จะมีจังหวะหนึ่งที่วิญญาณชะงัก แล้วกล้องจะชาร์จขึ้นมานิดนึง ในจังหวะนั้นให้รีบใช้เลนส์ Pressure เพื่อสกัดการหายตัวไปตั้งหลักของวิญญาณในทันที แล้วถ่าย Max Shot อีกรอบ ดูๆแล้วก็ใช้เหมือนกับ Slow นั่นแหละนะ ใช้สะกัดการหายตัวของวิญญาณ แค่ใช้ Spirit orb น้อยกว่า เพราะใช้ลูกเดียว


รุกะ : หน้าตาเลนส์ทั้ง 5 ชนิดค่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
      เอาล่ะ มาอธิบายวิธีการใช้เลนส์ทั้งสามนี้กันดีกว่า เอาเหตุการณ์หินๆอย่างเจอคานาเดะเรนเจอร์แล้วกัน  ผมจะบอกวิธีที่ Safe ที่สุด แต่คุณต้องมีสกิลหลบที่เก่งกาจพอควรด้วยไว้กันพลาดโดนศัตรูจับ
     
        ลองคิดภาพตามนะครับ ในตอนที่  9 ที่โรงจันทรคราส เวทีรำบวงสรวงคางุระ เราจะโดนผีรุมยำที่นั่นถึง 6 ตัว ผีคานาเดะ 5 และอุสึวะอีกหนึ่ง

        เป้าหมายคือเราต้องเด็ดหัววิญญาณตัวใดตัวหนึ่งให้ตายเสียก่อน หรืออย่างดีเลยคือสองตัวถ้าทำได้(ให้มันอยู่ในเฟรมสองตัวเวลาทำคอมโบ) มาถึงคุณก็ยัด Boost เข้าไปก่อนเพื่อให้มันติดดีบัฟรับดาเมจเยอะๆ (แนะนำให้จัดการอุสึวะก่อน เพราะนางตัวสูงกว่าตัวอื่นและท่าโจมตีไม่เหมือนตัวอื่น) ใส่ Max Shot ไปหนึ่งที ให้วิญญาณชะงัก แล้วก็อัด Slow เข้าไปทันที หลังจากนั้นก็จัดสูตรลูป Max Shot ไปเรื่อยๆ ถ้าได้ Double Shot จะดีมาก
       
        พอจำนวนพวกมันลดลง คุณก็จะเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเหลือแค่ตัวเดียว คุณก็จัดการใช้เลนส์ประเภท Boost Damage ปิดฉากไปอย่างสวยงาม


       ท่าโจมตีของวิญญาณ:
          ไหนๆก็พูดถึงวิธีการรับมือแล้ว เรามาพูดถึงท่าโจมตีของอุสึวะและคานาเดะดีกว่า จากที่ผมเล่นมาสคริปต์การเคลื่อนที่ของอุสึวะและคานาเดะนั้นมีไม่มาก แต่ยากเพราะจำนวน
         
          อุสึวะ:
                   อุสึวะคือนางรำ และเพราะนางเป็นผู้ใหญ่ นางเลยตัวสูงและดูโดดเด่นที่สุด โดยการเคลื่อนที่ของนางมีอยู่ 2 แบบคือ
                  1. พุ่งเข้าโจมตีแบบซึ่งๆหน้า ท่านี้เป็นท่าดาบสองคม ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นดาบสองคม? นั่นก็เพราะเวลานางใช้ท่านี้จะพุ่งไกลและเร็ว(แต่ไม่ถึงขั้นเร็วมาก) บางครั้งถ้านางหายตัวมาอยู่ข้างๆคุณแล้วพุ่งใส่โดยที่คุณยังไม่ทันตั้งตัว มีโอกาสน้อยมากที่คุณจะรอดพ้นจากอ้อมกอดของนางได้ เว้นแต่คุณจะสะบัดโยกหลบทันล่ะนะ
                      แต่ถึงมันจะเร็ว มันก็เป็นการเปิดจังหวะ Fatal Frame ให้เราได้ทำคอมโบเหมือนกันถ้าเราตั้งหลักได้ เพราะแบบนี้ผมถึงอยากให้โฟกัสนางเอาไว้เป็นตัวแรกๆ
               
                  2. ท่าหมุนตัว ท่านี้ไม่ใช่ท่าโจมตี แต่เป็นท่าที่นางใช้หายตัวไปตั้งหลักใหม่ พออ่านๆดูแล้วมันก็ไม่น่าจะมีอะไรมากเพราะแค่หายตัว แต่จริงๆ มันเป็นปัญหาในระดับหนึ่ง เพราะคุณต้องมานั่งพะวงกับคานาเดะที่อยู่รอบๆ ด้วย  ลองนึกสภาพ ตอนที่อุสึวะหายตัวมาอยู่ข้างๆคุณ หลังจากนั้นคุณก็ยกกล้องไปเล็งที่นาง แล้วอยู่ดีๆ นางก็หมุนตัวหายไปอีก พอเอากล้องออก ก็พบว่าคานาเดะกำลังเดินเข้ามาใกล้ถึงตัวคุณเสียแล้ว ทำให้คุณต้องเสียเวลาวิ่งหนีไปหาที่ใหม่ เอาจริงๆ มันเป็นท่าที่น่ารำคาญพอสมควร เหมือนนางพยายามยืดเวลาหาทางโจมตีเราหรือให้คานาเดะโจมตีเรามากกว่า
               
                 สรุปแล้ว การจะปิดฉากอุสึวะเร็วหรือไม่เร็วนั้น ขึ้นอยู่กับครั้งแรกเมื่อเริ่มการต่อสู้ ถ้านางพุ่งเข้ามาหาคุณคือคุณโชคดี ใส่ Boost  ยัด Fatal Frame จบคอมโบแล้วใช้วิธีลูป Slow ยัด Max Shot จนตาย แล้วหันไปเก็บคานาเดะได้เลย  หรือถ้าโชคร้ายนางจะหมุนตัวหายตัวไป ถ้าเป็นอย่างงั้นให้วิ่งหาที่ตั้งหลัก แล้วหาตัวนางหรือจะเด็ดหัวคานาเดะก่อนก็ได้ถ้าจำเป็น(ผมแค่แนะนำให้ฆ่าอุสึวะก่อนเฉยๆ จริงมั้ย ไม่ได้บังคับว่าต้องฆ่านางก่อนเสมอ ฮ่าๆๆ) เพราะฉะนั้นเรามารู้จักกับท่าโจมตีของคานาเดะกันด้วยดีกว่า
       

        คานาเดะ:
                   คานาเดะสาวน้อย 5 คน ที่คอยบรรเลงดนตรีในงานพิธี ถึงจะมีมากถึง 5 คน แต่สคริปต์การเคลื่อนที่นี่ก็อปกันมาเลย ใช่ครับ คานาเดะทั้ง 5 คน มีการเคลื่อนไหวที่เหมือนกัน  โดยแบ่งเป็น 3 แบบ(อ่านแล้วคิดภาพตามนะครับ เพราะท่าทางของคานาเดะมันแตกหน่อออกไปได้ ถ้าจะอ่านต้องตั้งสติดีๆ นะครับ 5555)

                1. เดินเข้ามาแล้วพุ่งใส่ตัวคุณเลย ท่าทางในการเดินของคานาเดะมี 2 ประเภท คือเดินเข้ามาพร้อมกับยกแขนสองข้างออกมาข้างหน้าทำท่าเหมือนจะจับตัวคุณ  หรือเดินเข้ามาเฉยๆ แขนอยู่นิ่ง(ท่าเดินอันหลังผมค่อยอธิบายในข้อ 2.)  ท่านี้คือท่าโจมตีแบบเบสิคๆ โจมตีแบบตรงๆครับ เหล่าคานาเดะจะโจมตีคุณเมื่อนางยื่นแขนออกมา ซึ่งท่านี้เป็นท่าที่เอื้อประโยชน์ให้เรามาก เพราะมันจะช่วยเปิดจังหวะ Fatal Frame ให้เรา เห็นตัวไหนยื่นแขนออกมาเล็งนางไว้ก่อนเลย! (แต่จงระวัง! พวกนางยื่นแขนออกมาใช่ว่าพวกนางจะโจมตี พวกนางหลอกเรา! ต่อที่ข้อ 2)

               2. เดินเข้ามาแล้วหายตัว จากข้อที่แล้วผมบอกไว้ว่าท่าเดินของคานาเดะ จะมีอยู่ 2 แบบ คือ เดินเข้ามาพร้อมกับยกแขนสองข้างออกมาข้างหน้าทำท่าเหมือนจะจับตัวคุณ  หรือเดินเข้ามาเฉยๆ แขนอยู่นิ่ง ในข้อนี้ผมจะอธิบายท่าทางในการหายตัวทั้งสองแบบ นั่นคือท่าเดินเข้ามาเฉยๆแขนอยู่นิ่ง และท่ายื่นแขนหลอกๆที่ผมเตือนไว้ในข้อ 1.
                 
                       2.1 ท่าเดินเข้ามาเฉยๆ แขนอยู่นิ่ง ท่านี้ไม่มีอะไรมากครับ เหมือนท่าหมุนตัวของอุสึวะเลย นั่นคือนางถอยกลับไปตั้งหลัก คานาเดะจะเดินเข้ามาใกล้ๆเรา แล้วถอยหลังหายตัววับไปเลย ซึ่งคานาเดะในฉากมันก็มีเยอะชุลมุนกันมาก หายตัวกันเป็นว่าเล่น แต่จงระวัง หนึ่งในตัวที่หายตัวถอยไปนั้นอาจจะเป็นตัวที่ยื่นแขน!
                     
                      2.2 ยื่นแขนออกมาทำท่าจะโจมตีแบบข้อ 1. แต่ถอยหลังหายตัวไป ใช่ครับคานาเดะพวกนี้มันคือคานาเดะในข้อ 1 ที่จะเข้ามาโจมตีคุณครับ ถ้าคุณอยู่ใกล้ๆ นางก็อาจจะพุ่งใส่คุณเลยก็ได้ แต่บางครั้งนางก็จะหายตัวถอยไปครับ และเมื่อคานาเดะที่ยื่นแขนออกมาหายตัวไปแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือ หุบกล้องแล้ววิ่งออกจากที่ๆคุณยืนครับ เพราะมันคือท่าโจมตี แบบที่ 3!

              3. ขอจับขาหน่อย  เป็นท่าที่จะเกิดขึ้นหลังจากเกิดท่า ที่ข้อ 2.2 นางจะโผล่มาที่ข้างล่าง มาจับขาคุณเลยครับ โจมตีคุณตรงๆ ไม่ได้ ก็โจมตีจากข้างล่างซะเลย(เหมือนเด็กตอกลิ่มในภาค 3 ที่มีท่าขึ้นมาจากใต้ดิน เอาลิ่มมาตอกเท้า) วิธีหนีก็อย่างที่ผมบอกในข้อ 2.2 ครับ วิ่งจนกว่าจะเห็นว่าคานาเดะมันขึ้นมาจับวืดไปแล้ว (เอาจริงๆ ท่าจับขา  คุณสามารถสวนด้วย Fatal Frame ได้ แต่จะได้แค่คอมโบเดียว เพราะนางจะชะงักถอยหลังลงพื้นไป)

             ถ้าใครยังงงๆ อยู่ เดี๋ยวผมจะสรุปเป็นภาพให้



ถ้าไม่ชัดกดซูมภาพได้นะครับ

            ก็ตามนั้นแหละครับ เส้นสีเหลืองคือรูทของท่าเดินที่ยื่นแขนออกมา ส่วนเส้นสีแดงคือท่าเดินที่แขนอยู่นิ่งๆ  จำไว้นะครับ โจมตีสวนกลับคานาเดะด้วย Fatal Frame ในตอนที่นางเข้ามาโจมตีเราแบบตรงๆ เป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


        ข้อแนะนำ
            - ในขณะที่กำลังเล็งถ่ายรูปควรเดินไปด้วย อย่าเป็นเป้านิ่ง เมื่อปราบวิญญาณได้ตัวหนึ่ง  ถ้าพบว่าจุดที่ตนยืนอยู่ มันไม่ดี ควรวิ่งเพื่อหาจุดตั้งหลักใหม่
            - ถ้าจะถ่าย Max Shot ธรรมดาในกรณีที่ไม่ได้ใส่ Slow ให้วิญญาณ แนะนำให้ใช้ Blast  ควบคู่ไปด้วย เพราะใช้ลูกแก้ววิญญาณน้อยและรีเกจง่าย
            - เลนส์ Blow (ที่มีลูกแก้วเกือบเต็มหรือเต็ม) + Max Shot มีความสามารถรุนแรงพอที่จะทำให้คานาเดะตายได้ด้วยการถ่ายเพียงครั้งเดียว และถ้าในการถ่ายครั้งนั้นมีคานาเดะมากกว่า 1 ตัวอยู่ในเฟรมด้วย เราก็จะสามารถจัดการคานาเดะได้ถึง 2 หรือ 3 ตัวด้วยการถ่ายเพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้นควรใช้บ่อยๆเพื่อการจบเกมที่รวดเร็วขึ้น
            - พยายามระวังเท้าให้ดี เพราะคานาเดะ จะมีท่าโจมตีมาจากด้านล่าง
            - ถ้าจะโดนจับ พยายามหลบให้ได้ แล้วสวนด้วย Escape Shot (ถ้าติด Fatal Frame ด้วยยิ่งดี)  จำไว้ว่า ถ้าคุณหลบครบ 3 รอบเมื่อไหร่ ตัวละครของคุณจะล้มทันที ถ้าล้มแล้วรีบลุกขึ้นให้เร็วที่สุดด้วยล่ะ
            - จากข้อด้านบนถ้าถ่ายติด Fatal Frame Shot ในคอมโบที่ 3 ควรใช้เลนส์ประเภท Boost Damage เพื่อดึงดาเมจออกมาให้ได้มากที่สุด และถ้าจะใช้ ก็ต้องมั่นใจว่าศัตรูจะตายด้วยคอมโบนี้

         ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่รับประกันว่าทริคนี้จะทำให้คุณไม่ตาย เพราะมันเป็นแค่วิธีที่ผมคิดว่า safe ที่สุด สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเล่นของตัวคุณเอง ถ้าเจอตัวที่ไม่เก่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์ที่เสีย Spirit Orbs เยอะ คุณต้องบริหารลูกแก้ววิญญาณเอง  (พลาดท่าก็กลับจุดเซฟ ฮา) เจอกันบทความหน้าครับ


          นี่เป็น Rank ของผมที่เล่นในระดับ Nightmare ถือว่าเอาเป็นเครื่องยืนยัน Trick นี้ละกัน ผมไม่ตายสักรอบแต่โดนจับเกือบตาย เลือดเหลือก้นหลอด 5555555555555 ซึ่งตัวที่ผมพลาดท่าโดนจับคือคานาเดะเพราะเปิดกล้องนานไป และตุ๊กตาวาตาชิเพราะมันเร็วมาก (ตอนแรกที่ผมบอกว่าวาตาชิจับทีเดียวไม่ตาย ผมขอเปลี่ยนใหม่ ที่จริงมันจับทีเดียวตายแต่ตอนนั้นผมมี  Stone Mirror ผมถึงรอดมาได้ แต่ผมไม่ได้สังเกต แล้วผมก็ลุยทั้งเกมโดยคิดว่าผมมี Stone Mirror อยู่ ทั้งที่จริงแล้วไม่มีสักก้อน ไม่ได้เก็บเพิ่มเลย ส่วนตัวที่จับทีเดียวไม่ตายคือคานาเดะครับ)
         
          ถ้าคิดว่า Trick นี้มันยุ่งยากเกินไป ก็ลองดูคลิปด้านล่างได้เลยครับ ผมมีวิธีที่สะดวกกว่า




ปล.รู้สึกเหมือนเน็ตช้าเป็น 10 ปี เพราะดันมาเขียนบทความอธิบายเกมที่ออกเมื่อปี 2008 ซะตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ




ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ข้างล่างนะ :)


กลับสู่หน้าหลัก


--------------------------------------------
Update History
- 04/6/2561 เพิ่มการเตรียมไอเทมของมิซากิ เพราะผมลืมไปเลยว่ามิซากิมันไม่มีฟิล์มตามมาด้วย
- 12/5/2561 เพิ่มท่าทางการเคลื่อนไหวและโจมตีของอุสึวะและคานาเดะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น