วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Fatal Frame 3: The Tormented วิเคราะห์กล้อง Obscura, Gameplay และทริคเล็กน้อยๆ





             

                 มาถึงกับภาค 3 ของซีรี่ย์ ที่ผมพูดได้เต็มปากว่ามันสนุกมาก และ Mission Mode ของมันก็เล่นเอาปาดเหงื่อเหมือนกัน เนื้อเรื่องในภาคนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างภาคแรกและภาคสอง และเชื่อมชะตากรรมของทั้งสองภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสถานที่ในเนื้อเรื่องนั้นได้เอาสิ่งที่มีอยู่ในภาค 1 และ 2 มาใส่ด้วย แต่นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว ทางด้าน Gameplay ก็มีการผสมผสานระหว่าง Gameplay ของทั้งสองภาคก่อนเช่นกัน



ระบบการเล่น(Gameplay)


               ในภาคนี้จะเป็นครั้งแรกในซีรี่ย์เลยที่เราจะได้รับบทเป็นตัวละครถึง 3 ตัว และแต่ละตัวจะมีตอนเป็นของตัวเองด้วย ถึงแม้กล้องจะตัวเดียวกัน แต่อบิลิตี้การใช้กล้องของทั้งสามคนนั้นไม่เหมือนกัน นั่นก็เพราะว่ากล้อง Obscura ที่ทั้งสามคนใช้นั้นอยู่ในความฝัน เพราะในโลกความเป็นจริงนั้น กล้องตัวนี้ได้พังไปแล้วนั่นเอง และในเกม ซากของมันก็ได้กลายเป็นจุดเซฟอยู่ที่บ้านของเรย์นางเอกหลักของเราไปเรียบร้อยแล้ว

            สิ่งที่แปลกใหม่ที่สุดทางด้านเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็คือ เราไม่ได้ไปตะลุยบ้านผีสิง หมู่บ้านร้างแบบภาคก่อนๆ ในโลกความเป็นจริงอีกต่อไปแล้ว ในภาคนี้เราจะตะลุยคฤหาสน์ผีสิงในความฝันแทน! เราเลือกที่จะไม่เข้าคฤหาสน์ผีสิงได้ เราเลือกที่จะไม่เข้าหมู่บ้านร้างได้ แต่ถ้ามันเป็นความฝันล่ะ? เราจะหนีมันยังไง? เอาล่ะก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ ผมขอแนะนำตัวละครทั้งสามคนอย่างสั้นๆ ก่อนเลยละกัน

              - คุโรซาวะ เรย์ นางเอกหลักของภาคนี้ ช่างถ่ายภาพที่สูญเสียคนรักไปจากอุบัติเหตุ

            - ฮินาซากิ มิกุ อดีตนางเอกหลักจากภาคแรก ในภาคนี้เธอกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้ช่วยของเรย์ พร้อมกับซิกส์เซนส์ที่กลับมาหาเธออีกครั้ง (พอดีตัวอย่างเกม เขาแนะนำตัวเธอแบบนี้เลยเอามาใช้ อิอิ)

            - อามาคุระ เคย์ ตัวละครหน้าใหม่ของภาค แต่นามสกุลไม่ใหม่ เขาคือน้าของมิโอะและมาเพื่อช่วยเหลือมิโอะจากคำสาปรอยสัก

               ก่อนที่จะอธิบายถึงการใช้กล้องของทั้ง 3 คน ผมขอเขียนถึงด้านอื่นๆก่อนละกัน จะได้เขียนเรื่องกล้องยาวๆ เลย ทางด้านวิญญาณของภาค 3 นั้น การเคลื่อนไหวของมันจะมีความเป็นเฉพาะตัวกว่าภาคก่อนๆ นั่นคือวิญญาณตัวไหนเคลื่อนไหวเร็ว มันก็จะเร็วเสมอต้นเสมอปลาย ตัวไหนช้า มันก็จะช้าเสมอต้นเสมอปลาย(นี่ยังไม่พูดถึงตัวที่บินได้นะ หึหึ) ไม่เหมือนภาค 1 ที่ส่วนใหญ่จะเร็ว และภาค 2 ที่วิญญาณจะเคลื่อนไหวช้า พูดง่ายๆเลยมันคือการผสมผสานทั้งสองภาคเข้าด้วยกัน

              ท่าเคลื่อนไหว ท่าโจมตีของวิญญาณในภาค 3 นั้น จะมีเอกลักษณ์เหมือนภาค 2 ตรงที่ส่วนใหญ่ ไม่ใช่พุ่งเข้ามาตรงๆแบบภาคแรก แต่มักจะลีลาก่อนเข้ามาโจมตีเรา มีท่าบุกที่ชัดเจน และไม่อืดอาดแบบภาค 2 ซึ่งแต่ละตัวส่วนใหญ่ก็จะมีการโจมตีที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไป และบางตัวมีถึง 2 เวอร์ชั่น! และบางตัวก็มีท่าโจมตีเป็นเอกลักษณ์มากจนน่ารำคาญ เชื่อเถอะหลายๆคนคงเคยเจอแบบผม ผมขอไม่เอ่ยชื่อนางละกันประวัตินางน่าสงสาร แต่ถ้าผมพูดลักษณะท่าทางแล้วล่ะก็ หลายคนถึงกับต้องร้องอ๋อ ผีตัวนั้นตอนเล่นเคย์.... ผีที่ใช้วิชาอำพรางตัวอยู่ในกำแพง เอาแต่ปาเส้นผมมาใส่ นี่หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นนินจาหรือไงฟะ?!

            ทางด้านไอเทม ฟิล์มและยา ในภาค 3 นี้ ไอเทมบางชนิดอย่างเช่นฟิล์ม 14 จะรีทุกๆ ตอน ถ้าคุณยังจำที่ๆมันอยู่ได้ คุณก็ย้อนกลับไปเก็บได้ตลอด อีกสิ่งหนึ่งที่รีทุกๆตอนก็คือไอเทมในช่องกระเป๋าเรา เมื่อขึ้นตอนใหม่ ในความยากระดับปกติ ไอเทมอย่างสมุนไพรก็จะมีแค่ 3 อันเสมอ ในภาคนี้จะมีไอเทมอีกชิ้นหนึ่งที่สำคัญมาก หลังจากที่เราเล่นไปไกลจนถึงตอนใกล้จะจบเกม (ชั่วโมง ที่ 10 ขึ้นไป) ในช่วงนี้ภาพของเกมจะเป็นภาพขาวดำ และเรย์กะก็จะออกไล่ล่าฆ่าคนที่หลงอยู่ในนั้น เวลาที่เรย์กะไล่เราน่ะ ให้ลบภาพตอนซาเอะไล่เราไปเลย เรย์กะไม่ได้เดินช้าแบบซาเอะและ แต่นางเดินเร็วและสามารถเดินลัดกำแพงมาจับเราได้เลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นตัวเกมก็จะให้ไอเทมประเภทหนึ่งมาแก้สถานการณ์นี้ ไม่ว่าคุณจะเล่นกี่ครั้งก็ตาม คุณควรจำไว้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน ไอเทมนี้เรียกว่า เทียนไขบริสุทธิ์(Purifying Light) เทียนนี้จะช่วยขจัดไออากาศชั่วร้ายออกไป แต่เมื่อไหร่ที่เทียนไขนี้ดับล่ะก็ เรย์กะจะตามมาฆ่าคุณ แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าคุณไม่หลงทาง เดินตามทางถูกต้อง เกมจะให้เทียนไขมาแบบเหลือเฟือเลยทีเดียว


กล้อง Obscura

            เอาล่ะกลับมาที่เรื่องกล้องเลยดีกว่า กล้องในภาคนี้เป็นกล้อง Obscura พังแล้ว ที่เคย์ไปพบในศาลเจ้าคุเซะร้าง ในโลกแห่งความเป็นจริง และก็ส่งมาให้ยูทีหลัง ในความฝันนั้นเรย์จะได้กล้องนี้โดยมีมือผีส่งมาให้ ส่วนมิกุจะพบกล้องนี้อยู่ที่หน้ากระจกแบบภาค 1 ส่วนเคย์ไปมือแมวฉกแบบหน้าด้านๆ จากลิ้นชักตอนที่ยาชูเผลอ โดยระบบกล้องของภาคนี้ ได้กลับไปใช้ระบบชาร์จกล้องแบบภาคแรกอีกครั้ง และนำระบบเลนส์จากภาคสองมาใช้ รวมถึงเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละตัวละครเวลาเข้าไปอีกด้วย ในภาคนี้การชาร์จกล้องจนเต็มก็ยังไม่สามารถทำให้วิญญาณชะงักได้ ต้องรอถ่ายจังหวะ Shutterchance โดยการให้ Capture Circle เป็นสีแดงเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งที่น่าประทับใจในภาคนี้ก็คือกล้องสามารถเปลี่ยนฟิล์มที่หน้าโหมด ViewFinder ได้แล้ว ไม่ต้องเข้าหน้า menu ไปเปลี่ยนเหมือนภาคเก่าๆ แต่เมื่อเปลี่ยนฟิล์มก็จะต้องรอเวลารีโหลดเช่นกัน

            สำหรับการถ่ายจังหวะ Fatal Frame ของภาค 3 จะมีความแตกต่างจากภาคอื่น ตรงที่เมื่อถ่ายติด Fatal Frame แล้ว จะไม่มีการเปิดช่วง Fatal Time เหมือนภาคอื่นๆ แต่จะมีการเว้นเป็นช่วงจังหวะแทนซึ่งจะสามารถทำให้ถ่ายได้เรื่อยๆ ตามจังหวะของวิญญาณนั้นๆ จนกว่าวิญญาณเป้าหมายจะหลุดเข้าไปในกำแพงหรือไกลเกินระยะกล้องไป

กล้องของเรย์



              การใช้กล้องของเรย์จะมีลักษณะกลางๆ มาตรฐานทั่วไป มีฟังชั่นก์และเลนส์ตามปกติ แต่สิ่งที่เรย์โดดเด่นมากที่สุดคือ เธอมี Capture Circle ใหญ่กว่าตัวละครอื่นๆ ในภาค 3 นั่นเอง เรย์จะมีสกิลพิเศษติดตัวอยู่หนึ่งสกิลที่เรียกว่า Flash ซึ่งสมเหตุสมผลกับอาชีพของเธอ เราจะได้มันมาใน ชั่วโมงที่ 6 สกิลนี้เป็นการทำให้วิญญาณชะงักและเกิดจังหวะ ShutterChance ได้ สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ อย่างเช่นตอนเราถ่ายพลาด หรือจะเป็นตอนที่จะถูกวิญญาณโจมตี รวมถึงใช้ reset การเคลื่อนไหวของวิญญาณเช่นกัน (ใน Mission Mode ที่เกี่ยวกับจำนวนฟิล์มที่ใช้ ผู้เล่นมักจะใช้ Flash เพื่อ reset การเคลื่อนไหวของวิญญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเคลื่อนที่แบบกระจัดกระจายกัน เป็นการรีเซ็ตให้วิญญาณเข้ามาโจมตี จะได้ถ่ายวิญญาณได้หลายๆตัว ภายในครั้งเดียว) ถ้าเราใช้ Flash จนหมด เราสามารถรีได้ด้วยการตื่นจากการฝัน ด้วยการออกจากคฤหาสน์

สรุป สไตล์การเล่นของเรย์คือการถ่ายรูปตามฉบับมาตรฐานของเกม Fatal Frame ควบคู่กับการใช้เลนส์แบบปกติ รวมทั้งสร้างจังหวะด้วย Flash นั่นเอง


การอัพเกรดกล้องของเรย์



              ก่อนที่จะเข้าเรื่องการอัพเกรด ผมขอเกริ่นอะไรไว้ก่อนละกันนะ การอัพกล้องของภาค 3 นั้น เราไม่สามารถอัพกล้องให้เต็มได้ในการเล่นรอบเดียวแบบภาค 2 เพราะต้องอัพเกรดกล้องถึง 3 ตัวละคร และใช้พ้อยท์ร่วมกัน แถมเยอะมาก ดังนั้นผมจึงขอแนะนำให้เทพ้อยท์ส่วนใหญ่มาไว้ที่เรย์ เพราะว่าเธอเป็นนางเอกหลักของภาค


Basic

Max Value เพิ่มจำนวนอักขระ

Lv. เริ่มต้น: 1 (ภาคนี้เป็นภาคแรกที่ Level ของคุณสมบัติกล้องไม่ได้เริ่มต้นที่ 0)
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 10,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 20,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 (Max) cost: 40,000 Photo Points

Range เพิ่มขนาดของ Capture Circle

Lv. เริ่มต้น: 2
Lv.2 >>>> Lv.3           cost: 10,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4           cost: 20,000 Photo Points
Lv.4 >>>> Lv.5 Max) cost: 40,000 Photo Points

Sensitivity เพิ่มความเร็วในการชาร์จกล้อง

Level เริ่มต้น: 1
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 10,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 20,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 (Max) cost: 40,000 Photo Points





Special

Store เพิ่มจำนวนลูกแก้ว Spirit Points 

Level เริ่มต้น: 0
Lv.0 >>>> Lv.1            cost: 10,000 Photo Points
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 15,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 (Max) cost: 20,000 Photo Points

Flash เพิ่มจำนวนของ Flash

Level เริ่มต้น: 0
Lv.0 >>>> Lv.1            cost: 10,000 Photo Points
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 15,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 (Max) cost: 20,000 Photo Points


กล้องของมิกุ




               นางเอกเก่าจากภาคแรก ตามเนื้อเรื่องในสมัยนั้นมิกุเป็นผู้ที่มีซิกเซนส์แรงที่สุดในบรรดาเหล่านางเอก และถ้าวัดกันที่กล้องเพียวๆ ไม่มีฟังก์ชั่นก์ Festival กล้องของเธอนั้นถือว่าแรงที่สุดในภาค 3 เพราะเธอมีจำนวนอักขระเยอะที่สุดแล้ว ได้มาครั้งแรกก็ 5 ตัวแล้วในขณะที่เรย์ได้มาครั้งแรกมี 4 ตัว และเคย์มี 2 ตัว (แต่ถ้ามีฟังชั่นก์ Festival เรย์จะกินขาดทั้งดาเมจและความเร็ว) ถ้าคุณสังเกตดีๆ คุณจะเห็นสิ่งหนึ่งที่นางเอก Fatal Frame ทุกภาคมี แต่มิกุไม่มี..... นั่นก็คือเลนส์ครับ มิกุไม่เคยใช้เลนส์ ไม่ว่าจะภาค 1 หรือ 3 สิ่งที่เธอมีคือฟังก์ชั่นแบบเพียวๆ แล้วในภาคนี้เธอก็มีสกิลติดตัวถึง 2 สกิล! โดยสกิลแรกเป็นสกิลที่เธอจะใช้ The Scared Stone ช่วยสโลววิญญาณ(กด O) พูดง่ายๆ คือจะทำให้สิ่งที่อยู่รอบข้างเธอช้าไปหมด (สงสัยเจอตัวเร็วๆในภาคแรกมาเยอะ มาเจอในภาคนี้อีก สโลวมันซะเลย) โหดกว่าเลนส์สโลวก็พลังของเธอเนี่ยแหละ อีกสกิลหนึ่งก็คือ Double ชื่อว่าดับเบิ้ลแน่นอนมันคือ 2 เท่า อบิลิตี้นี้เป็นการช่วยปลดลิมิคการชาร์จพลังของกล้องจาก Capture Circle 1 วง เป็น 2 วง โดยการชาร์จวงที่สองคุณจะต้องกดปุ่มถ่ายรูปค้าง ถ้าปล่อยคือการถ่ายภาพ การใช้สกิลนี้รวมกับสกิลร่วมกับสกิล Slow ทำให้วิญญาณที่มีการเคลื่อนไหวเร็วหลายตัว ร้องไห้กันไปตามระเบียบ

สรุป สไตล์การเล่นของมิกุคือการชาร์จพลังของกล้องด้วยความรวดเร็วและปล่อยดาเมจอันมหาศาลภายในการถ่ายหนึ่งครั้ง





ถ้าดูๆดีจะเห็นว่าการชาร์จอักขระกล้องของมิกุ จะไม่เต็มวงเหมือนเรย์ แต่เธอนั้นกลับมีอักขระมากกว่าเรย์


การอัพเกรดกล้องของมิกุ



Basic

Max Value เพิ่มจำนวนอักขระ

Lv. เริ่มต้น: 2
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 15,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4            cost: 30,000 Photo Points
Lv.4 >>>> Lv.5 (Max) cost: 50,000 Photo Points



Range เพิ่มขนาดของ Capture Circle

Lv. เริ่มต้น: 0
Lv.0 >>>> Lv.1            cost: 15,000 Photo Points
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 30,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 (Max) cost: 50,000 Photo Points



Sensitivity เพิ่มความเร็วในการชาร์จกล้อง

Level เริ่มต้น: 2
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 15,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4            cost: 30,000 Photo Points
Lv.4 >>>> Lv.5 (Max) cost: 50,000 Photo Points





Special

Slow สโลว์นานขึ้นเมื่ออัพเกรด

Level เริ่มต้น: 0
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 20,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 40,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 (Max) cost: 60,000 Photo Points



Double ชาร์จงวงที่สองเร็วขึ้นเมื่ออัพเกรด

Level เริ่มต้น: 0
Lv.1 >>>> Lv.2            cost: 10,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3            cost: 20,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 (Max) cost: 60,000 Photo Points



กล้องของเคย์


             ผู้คนกล่าวไว้ว่า กล้องของชายผู้นี้กากที่สุดในบรรดากล้องทั้งหมด เพราะดาเมจอันแสนเบาบางของเขานั่นเอง เอาจริงๆ ที่มันเบาแบบนั้นก็ไม่แปลกเพราะคอนเซปของเคย์ก็คือ Rapid fire หมายถึงการถ่ายรูปรัวๆ นั่นเอง และนี่คือเหตุผลที่คุณอัพ Max Value ให้กล้องของเคย์จนเต็มยังไง อักขระก็ไม่เคยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ตัวสักที สำหรับผมแล้วกล้องเบาไม่ใช่ปัญหา แต่มันโคตรจะสิ้นเปลืองฟิล์มเลย ฮ่าๆๆๆ เอาจริงๆเคย์เองก็มีข้อดีที่คนหลายๆคนอาจจะมองข้ามไป ถ้ามิกุคือสายดาเมจ เรย์คือสายสมดุล เคย์ก็คือสายเลนส์ครับ เชื่อหรือไม่ว่าถ้าปลดล็อคเลนส์จนหมด เคย์จะมีเลนส์มากกว่าเรย์อยู่ 1 เลนส์ โดยเลนส์ที่เคย์มีเพิ่มมานั้นคือเลนส์ Blow ซึ่งเป็นเลนส์ประเภท Boost Damage ที่เวลาใช้จะสูบลูกแก้ว Spirit Point ทั้งหมด ซึ่งถ้าเราอัพกล้องจนเต็ม ลูกแก้ว Spirit Points ของเคย์ที่มีไว้ใช้เลนส์นั้นจะมีมากกว่าของเรย์ (เมื่ออัพเต็ม ลูกแก้ว Sprit Points ของเรย์จะมี 5 ลูก ในขณะที่ลูกแก้ว Spirit Points ของเคย์จะมีมากถึง 7 ลูกเลยทีเดียว) ถ้าลองดูภาพรวมทั้งหมด จะพบว่าเลนส์ Blow ของเคย์มีความรุนแรงมากกว่าเลนส์ Crush เมื่อใช้ในตอนที่ Spirit Points เต็มนั่นเอง

สรุป สไตล์การเล่นของเคย์คือการถ่ายรูปรัวๆ เพื่อเพิ่มเกจ Spirit Point ก่อนที่จะใช้เลนส์อันมากมายของเขาช่วยจัดการกับศัตรูนั่นเอง

            อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเกือบลืมกล่าวถึงไปเลยก็คือ สกิลพิเศษของเคย์ นั่นคือการหลบซ่อนตัวจากวิญญาณ โดยที่เขาจะนั่งยองๆ เพื่อซ่อนตัว เนื่องจากพลังวิญญาณของเขาไม่รุนแรงเท่าตัวละครหญิง ทำให้เขาหลบซ่อนจากวิญญาณต่างๆได้สบาย พอคิดๆ ดูแล้ว การที่คฤหาสน์แห่งความฝันแห่งนี้ไม่ต้อนรับผู้ชาย แต่เคย์ก็สามารถย่องไปทั่วจนเข้าไปถึงห้องแห่งลิ่มตอกที่อยู่ด้านในสุดได้นี่ ตานี่มันต้องเป็นสายลับ 007 มากอุปกรณ์เป็นแน่แท้




การอัพเกรดกล้องของเคย์




Basic

Max Value เพิ่มจำนวนอักขระ
Lv. เริ่มต้น: 0
Lv.0 >>>> Lv.1 cost: 10,000 Photo Points
Lv.1 >>>> Lv.2 cost: 20,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 (Max) cost: 40,000 Photo Points



Range เพิ่มขนาดของ Capture Circle

Lv. เริ่มต้น: 1
Lv.1 >>>> Lv.2 cost: 10,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 cost: 20,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 Max) cost: 40,000 Photo Points


Sensitivity เพิ่มความเร็วในการชาร์จกล้อง

Level เริ่มต้น: 0
Lv.0 >>>> Lv.1 cost: 10,000 Photo Points
Lv.1 >>>> Lv.2 cost: 20,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 (Max) cost: 40,000 Photo Points




Special

Store เพิ่มจำนวนลูกแก้ว Spirit Points

Level เริ่มต้น: 0
Lv.1 >>>> Lv.2 cost: 10,000 Photo Points
Lv.2 >>>> Lv.3 cost: 15,000 Photo Points
Lv.3 >>>> Lv.4 (Max) cost: 20,000 Photo Points


เลนส์และฟังก์ชั่น

ดูรายชื่อเลนส์และฟังชั่นก์ได้ที่นี่ => Click
               ในภาคนี้ เลนส์แต่ละเลนส์จะมีเลเวลอยู่ 3 เลเวล ถ้าเทียบกับกับภาคเก่า ต้องอัพกันเยอะมากเพราะมีตัวละครใช้เลนส์ถึง 2 ตัว และภาคนี้ก็เป็นภาคแรกที่มีฟังชั่นก์ในตำนาน นั่นก็คือฟังชั่นก์ Festival เป็นฟังก์ชั่นที่ทำให้กล้องชาร์จเต็ม ติดจังหวะ Fatal Frame ตลอด ใช้เลนส์ได้โดยไม่เสีย Spirit Point รัวกว่ากล้องของเรนในภาค 5 ก็ภาค 3 นี่แหละ (ลองคิดภาพเรย์กับเคย์แบก Machine Gun แต่กระสุนเป็นแผ่นฟิล์มเดินเล่นอยู่ในคฤหาสน์ละกัน) แต่ถ้าเป็นของมิกุล่ะก็จะชาร์จ Capture Circle ครบ 2 วง พร้อมทั้ง Fatal Frame และ Slow ไม่จำกัดอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น Festival จะไม่มีผลกับ Flash ของเรย์


Shot ต่างๆ ของ Fatal Frame 3

- Close Shot
ถ่ายวิญญาณในระยะที่ใกล้มาก


- Core Shot
ถ่ายโดยวิญญาณโดยที่ Crosshair ตรงกลางของกล้องอยู่ในวงกลมที่ล็อคศรีษะของวิญญาณ


- Maxshot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณในขณะที่เกจ Capture Circle ชาร์จเต็ม


- Boost Shot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ เมื่อใช้เลนส์ประเภท Boost Damage เช่น Blow 撃, Blast 刻 , Zero 零 หรือ Crush滅


- Fatal Frame Shot
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Fatal Frame


- Combo Shot
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Fatal Frame เป็นคอมโบ


- 2 Hit Combo Shot
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Fatal Frame เป็นคอมโบจังหวะที่ 2


- 3 Hit Combo Shot
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Fatal Frame เป็นคอมโบจังหวะที่ 3


- Double Shot
ถ่ายวิญญาณ 2 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง


- Triple Shot
ถ่ายวิญญาณ 3 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง


- Double Kill
ฆ่าวิญญาณได้ 2 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง


- Triple Kill
ฆ่าวิญญาณได้ 3 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง


- Special Kill
ฆ่าวิญญาณ ด้วยการใช้เลนส์ต่างๆ หรือ Shot พิเศษ อาทิเช่น Zero Shot หรือ Fatal Frame Shot


- Just Kill
ทำดาเมจใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจมีค่ามากกว่าพลังชีวิตของวิญญาณเล็กน้อย

- OverKill
ทำดาเมจมหาศาลใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจนั้นมีค่ามากกว่าพลังชีวิตที่เหลืออยู่ของวิญญาณเป็นอย่างมาก


- Shutter Chance
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Shutter Chance โดยที่ Capture Circle เปล่งแสงสีแดง


- Zero Shot
ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Zero Shot โดยที่กล้องจะต้องชาร์จจนเต็มและ Capture Circle จะเปล่งแสงสีแดง


ทริคเล็กๆน้อย


                  เอาล่ะ หัวข้อสุดท้ายของบทความนี้แล้ว นั่นคือทริคเล็กๆน้อยๆนั่นเอง! ในบทความภาคสอง ผมก็เสนอวิธีการปราบซาเอะไป ภาคนี้ก็คงจะต้องอธิบายเรื่องเรย์กะ... แล้วก็....อะไรอีกนะ วิธีการใช้ Flash ก็อธิบายในหัวข้อกล้องของเรย์ไปแล้ว... วิธีการขึ้นลงบันไดแบบแปลกๆ อ้า!...


               - การขึ้นบันไดแบบแปลกประหลาด ถึงท่าวิ่งขึ้น-ลงจะตลก แต่ก็เพื่อให้คุณวิ่งขึ้นบันไดได้อย่างรวดเร็ว ใน Fatal Frame 3 นี้ เราก็มีทริคแบบนั้นเหมือนภาค 2 เช่นกัน แต่วิธีการทำจะแตกต่างจากภาค 2 หน่อย ในภาค 2 เราจะเริ่มทำก่อนขึ้นบันได แต่ในภาคนี้เราจะเริ่มทำหลังขึ้นบันไดไปแล้ว โดยตอนแรกให้เราขึ้นบันไดไปก่อนนิดเดียว หลังจากนั้นกดปุ่มวิ่งย้ำๆ ห้ามหยุดแล้วหันตัว 90 องศา หลังจากนั้นคุณก็กดวิ่งย้ำๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมกับวิ่งขึ้นลงบันไดได้อย่างรวดเร็วแล้ว ในภาค 3 นี้ทำง่ายกว่าภาค 2 เยอะ


             - วิธีสู้กับเรย์กะ ผมจะอธิบายวิธีสู้กับเรย์กะสั้นๆ ง่ายๆ ถ้าคุณมี Festival ให้ใส่ Crush พร้อมฟิล์ม Type-00 แล้วยกกล้อง หลังจากนั้นก็รอให้กล้องโฟกัสที่เรย์กะ แล้วกดใช้เลนส์รัวๆ จบ! ง่ายใช่มั้ยล่ะ....................... //จะบ้าเรอะ....! 


            ที่จริงแล้ว มันก็มีวิธีที่ทำให้มันจบเร็วเหมือนกันแต่ขั้นตอนเยอะกว่านิดหน่อยแต่เดี๋ยวผมจะอธิบายช่วงด้านล่างว่าช่วงไหน


              เอาล่ะตอนนี้ ถ้าคุณเล่น Fatal Frame 3 มาจนเจอเรย์กะได้ แสดงว่าคุณต้องผ่านศัตรูเกือบทุกตัวของเกมนี้มาแล้ว(ทำไมต้องเกือบ นั่นก็เพราะเผื่อบางคนไม่ได้ทำ side quest คุณป้ารถเข็นยังไงล่ะ) เอาล่ะมาเข้าเรื่องกัน ในตอนนี้คุณคือเรย์ คุณเป็นคนเดียว ความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะต้องแก้คำสาปครั้งนี้ ถ้าคุณพลาดเท่ากับทุกคนม่องเท่งแน่ๆ แน่นอนว่าถ้าคุณอัพกล้องของเรย์จนเต็ม มันจะทำให้คุณสามารถชนะเรย์กะได้ง่ายขึ้น


              เอาล่ะผมจะบอกวิธีทางรับมือกับเรย์กะทุกท่วงท่าตั้งแต่แรกสุดยันท้ายสุด(รวมถึงวิธีวิธีจบเกมเร็ว :D) และก่อนที่เราจะเดินเข้าไปสู้กับบอสใหญ่ผมแนะนำให้ใส่เลนส์ Slow遅 และ Blast 刻 , Zero 零 หรือ Crush滅 ด้วย ในตอนแรกนั้นเรย์กะจะโผล่มาที่หน้าประตู จังหวะนั้นให้เรายกกล้องเพื่อชาร์จอักขระรอไว้ก่อน หลังจากนั้นเรย์กะจะทำการบุกเข้ามาหาเรา 2 วิธี ไม่เดินเข้ามาก็บินโฉบ


              - ท่าเดินเข้ามาบีบคอเรา ถ้าเธอใช้ท่านี้เมื่อไหร่นี่คือโอกาสทองของเรา เพราะจะเป็นจุดที่เราจะทำดาเมจใส่เธอได้มากที่สุด เมื่อเธอใช้ท่านี้ ให้เรายกกล้องเปลี่ยนเลนส์เป็นเลนส์ประเภท Boost Damage ที่แรงที่สุดที่คุณมี( Blast 刻 , Zero 零 หรือ Crush滅 )แล้วเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ให้กล้องชาร์จอักขระให้ได้เยอะที่สุด(ยิ่งเต็มยิ่งดี) จนกระทั่งเรย์กะยื่นมือออกมา ในจังหวะที่เธอยื่นออกมานั้นจะเป็นจังหวะ Shutterchance พอดี ให้เราใช้จังหวะนั้นกดปุ่มใช้เลนส์ เพื่อรีดดาเมจออกมาให้ได้มากที่สุด แต่จงระวังไว้ด้วยว่าตอนที่เราถอยหลังนั้น เรย์กะจะส่งกลุ่มควันออกมาสร้างดาเมจใส่เรา และถ้าเราถ่ายจังหวะ Shutterchance ไม่ทัน เธอจะส่งหัวกะโหลกที่คลุมร่างของเธอพุ่งเข้ามาแทน


              - ท่าบินโฉบ ท่าบินโฉบนี้ถือว่าเป็นท่าที่น่าสนุกอยู่พอควรที่จะเสี่ยงด้วย เพราะว่าท่านี้เป็นท่าที่ทำให้เกิดจังหวะ Fatal Frame และเร็วมาก โดยเรย์กะจะมีท่าบินโฉบอยู่ 2 ท่านั่นคือ


              1. ท่าลอยขึ้นไปในกลางอากาศแล้วบินโฉบลงมาโดยตรง ท่านี้จะรวดเร็วมาก ถึงจะสามารถถ่าย Fatal Frame ได้ก็จริง แต่ด้วยความเร็วของเรย์กะในท่านี้มันทำให้ถ่ายได้ยากมาก แนะนำให้วิ่งอย่างเดียว  ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้หลายคนอาจจะวิ่งอย่างเดียวหรือไม่ก็พร้อมเสี่ยงดวงที่จะถ่าย Fatal Frame ซึ่งตอนแรกผมก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งผมคิดว่าถ้านางเร็วมากเราก็น่าจะใช้เลนส์ Slow สวนกลับนางได้ และมันก็ได้จริงๆ ถึงนางจะเป็นบอสใหญ่ แต่นางก็รับเอฟเฟคเลนส์หมดทั้ง Slow และ Stun และนี่ก็คือวิธีเกมเร็วที่ผมจะบอก เพราะเรย์กะที่เก่งนักหนา ยังต้องพ่ายให้กับกลยุทธ์นี้ภายในเวลาไม่ถึงนาที
                 
                  ในตอนที่เรย์กะจะบินโฉบลงมา ให้เราดูว่านางจะบินโฉบมาทางไหน บินตรงมาหรือบินเฉียดข้าง ถ้าบินเฉียดข้างให้เราไปที่ข้อ 2 เลย แต่ถ้าบินตรงลงมาล่ะก็ ให้เราใช้เลนส์ Slow ใส่นางตอนจังหวะที่นางกำลังจะพุ่งลงมา ซึ่งผล Slow มันจะทำให้นางบินช้าลงและเราก็จะสามารถหลบนางได้ง่ายและเก็บเกจพลังกล้องได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง Slow ยังใช้เกจลูกแก้วแค่ 1 ด้วย ซึ่งจะทำให้เหลือลูกแก้วไว้ใช้เลนส์อื่นด้วย  อย่าไปงก ใช้ซะ!
               
               หลังจากที่เราใช้เลนส์ Slow เสร็จ เราอย่าเพิ่งปิดโหมด Viewfinder ให้เราเปิดกล้องไปแบบนั้นแหละ แล้วเดินหลบไปข้างๆ พร้อมกับเล็งเรย์กะ หลังจากนั้นเรย์กะก็จะบินผ่านข้างๆเราไปแบบช้าๆ แต่ไม่มากเนื่องจากผลของ Slow และแน่นอนว่าอย่างเพิ่งถ่ายจังหวะ Fatal Frame ตอนที่นางบินผ่านข้างๆ เพราะมันยาก ให้เราใจเย็นอีกนิดนึง
           
               หลังจากที่นางบินผ่านตัวเราไปให้เรา หมุนกล้องเล็งตามนางไปด้านหลัง ซึ่งจังหวะนั้นจะเป็นจังหวะที่ถ่าย Fatal Frame ได้ง่ายที่สุด ใส่ฟิล์มที่แรงที่สุด เอาเลนส์ Blast 刻  Zero 零 หรือ Crush滅 ยัดเข้าไปถ้ามีลูกแก้วพอ แน่นอนภาคนี้เราสามารถถ่าย Fatal Frame ได้มากกว่า 3 ครั้งอยู่แล้ว  ถ่าย Fatal Frame พร้อมกับเลนส์ไปจนกว่านางจะตายเลย จะถ่าย Fatal Frame ธรรมดา 2 คอมโบแล้วปิดด้วยเลนส์จังหวะที่ 3 ก็ได้ หรือจะเปิดด้วยเลนส์จังหวะที่ 1 แล้วถ่ายเพื่อ Fatal Frame อีก 1-2 คอมโบแล้วปิดด้วยเลนส์จังหวะสุดท้ายก็ได้แล้วแต่สะดวก  ทีนี้เราก็สามารถชนะนางได้ไม่ยากเย็น แต่ถ้าพลาดหลุด Fatal Frame ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าวิธีอื่นก็ง่ายไม่ต่างกันครับ
               


              2 ท่าลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วบินเฉียดข้างๆเราไป ท่านี้เป็นท่าที่ทำให้เกิดจังหวะ Fatal Frame เรย์กะจะลอยขึ้นไปบนฟ้าและพุ่งลงมาเฉียดข้างเราด้วยความเร็วสูง ถ้าใครยกกล้องขึ้นแล้วหันตามเธอไปด้วยจะพบว่าตอนที่เธอเฉียดข้างเรานั้น จะมีจังหวะ Fatal Frame ด้วย แต่ผมแนะนำไม่ให้ถ่ายตอนนี้ ให้เรารอไปก่อน เพราะเมื่อเรย์กะบินเฉียดเราไปแล้ว เธอจะเลี้ยวพุ่งกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเป็นเส้นตรง ถึงมันจะเร็ว แต่จังหวะนี้จะทำให้เราจะถ่ายจังหวะ Fatal Frame ได้ง่ายกว่าอันก่อน สำหรับคนที่เพิ่งเล่นหรือเล่นไม่เก่ง ผมแนะนำว่าอย่าใช้เลนส์ในการถ่ายครั้งนี้


               เมื่อสู้ไปสักพักหนึ่งเรย์กะจะใช้ท่าไม้ตายอันเลื่องชื่อของเธอ เธอจะใช้กะโหลกที่คลุมร่างของเธอกางเขตแดนมรณะ ทำให้ทุกๆอย่างกลายเป็นสีขาวดำ ตรงนี้ผมแนะนำอะไรไม่ได้มากเพราะโอกาสเป็น 50 ต่อ 50 และขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณล้วนๆ เพราะเมื่อเจอท่านี้ เราจะสร้างดาเมจใส่เรย์กะไม่ได้ ถึงจะใช้กล้องไปก็แค่ช่วยทำให้เรย์กะเคลื่อนที่ช้าลง และลดขนาดของเขตแดน แต่เพิ่มระยะเวลาของเขตแดนเท่านั้น สิ่งที่เราทำได้คือการวิ่งหนีเพราะในเขตแดนนี้ถ้าเรย์กะจับเราได้คือเราตาย! และเรามีโอกาสอย่างมากแค่ 2 ครั้ง (ถ้ามีศิลากระจก Stone Mirror ) โดยที่เธอจะเดินไล่เรามาช้าๆ แต่เธอสาวแขนยาวมาก เริ่มต้นปุ๊บเราจะไม่รู้ว่าเรย์กะอยู่ที่ไหน และเธอจะไล่เรามาจากด้านไหน สิ่งที่ผมแนะนำได้คือให้ยืนอยู่นิ่งๆ หรือเดินช้าๆ เพื่อหาตำแหน่งของเรย์กะให้เจอ ไม่ควรวิ่งจนกว่าจะเจอตำแหน่งของเรย์กะ ไม่งั้นคุณอาจจะดวงซวยและวิ่งไปชนเธอเสียเอง! เมื่อเราพบเรย์กะปุ๊บ ให้เรารีบโกยเลยจ้า จนกว่าเวลาของเขตแดงจะหมดลง แค่นี้แหละครับจบ! ฟังดูง่าย แต่ถ้าเป็นครั้งแรกมันก็อาจจะไม่ง่ายเท่าไหร่นะครับ ฮ่าๆๆๆ เพราะตอนที่ผมเล่นครั้งแรกก็ loop อยู่ไป 2 ครั้งเช่นกัน เนื่องจากลืมใช้เลนส์ orz



นี่เป็น Rank ของผมที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ ภาคนี้เก็บ S rank Nightmare ยากกว่าภาคอื่นๆ ด้วยปัจจัยบางอย่าง อาทิเช่นจังหวะ Fatal Frame ที่เร็วเกินไปทำให้ต้องกะจังหวะ Fatal Frame ของผีแต่ละตัวครับ




ก็หมดไปเท่านี้กับ Gameplay ของภาค 3 เจอกันครั้งหน้าในบทความ Gameplay ของ Fatal Frame Deep Crimson Butterfly ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ


-------------------------------------------------------------------------------------

ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ข้างล่างนะ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น