วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Fatal Frame Deep Crimson Butterfly เจาะลึกกล้อง Obscura ,Gameplay และทริคเล็กๆ น้อยๆ


           ในที่สุดผมก็ได้เขียนบทความนี้สักที กับภาคที่ผมชอบที่สุดที่มีชื่อว่า Fatal Frame Deep Crimson Butterfly หรือที่เรียกกันว่า Fatal Frame 2 Remake หลังจากนี้ผมขอเรียกภาคนี้ว่า DCB สั้นๆ นะครับ โดยภาคนี้เป็นการรีเมค Fatal Frame 2 Crimson Butterfly บนเครื่อง Ps2 ให้มาอยู่ในรูปแบบใหม่ และลงบนเครื่อง Wii เท่านั้น (ปัจจุบันมีให้ซื้อเล่นบน WiiU Eshop ด้วย) ตัวเกมฉบับรีเมคนั้น ได้เปลี่ยนระบบการเล่นชนิดที่ว่าแตกต่างจากเดิมไปเลยก็ว่าได้ แถมตัด Mission Mode ออกไปแต่เพิ่มโหมดบ้านผีสิงมาด้วย ทางด้านเนื้อเรื่องก็ได้มีการเพิ่มฉากคัตซีนใหม่ๆ ตัวละครใหม่อย่างคุเรฮะ แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อเรื่องก็ยังเดินตามเค้าโครงเดิมอยู่ (เอาจริงๆ ผมจำประสบการณ์ตอนเล่นครั้งแรกไม่ได้ละว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะนั่นมันเป็นช่วงก่อนที่ผมจะทำบล็อกเสียอีก แต่พยายามจะเขียนให้ดีที่สุด) 



Gameplay ระบบการเล่น

            ในภาค DCB ได้มีการเปลี่ยนมุมกล้อง จากมุมมองกล้องวงจรปิดมาเป็น มุมมองข้ามไหล่เหมือนภาค 4 ซึ่งทำให้น่ากลัวกว่าเดิมมาก เพราะเราจะไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังเราเหมือนภาค Ps2 ได้อีกแล้ว ภาคนี้นอกจากจะเอามุมกล้องจากภาค 4 มาแล้ว ยังได้เอาระบบเก็บไอเทมจากภาค 4 มาด้วย แต่ทำให้หลบง่ายกว่าเดิมแถมมันไม่ขโมยของเราแล้วด้วย โดยทีนี้เราสามารถกดปุ่มแบบยึกๆยักๆได้ และเมื่อใดที่มีมือผีโผล่ออกมา ตัวละครจะเอามือถอยออกมาเองให้เลย ซึ่งต่างจากภาค 4 ตรงที่ ในภาค 4 ถ้าเรากดปุ่มเก็บของแบบยึกๆยักๆ มือผีก็จะยึกๆยักๆ ตามเรา เราต้องปล่อยแล้วค่อยกดเก็บไอเทมใหม่ หรือไม่ก็กดยึกๆยักๆ รอให้มือผีมาใกล้จริงๆ แล้วปล่อย ตัวละครจะสะดุ้งเอง
         
           กลับมาที่ภาค DCB นอกจากระบบเก็บไอเทมแล้ว ภาคนี้ก็ยังเอาระบบที่ว่า ไปใช้ในการสำรวจสถานที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลิ้นชัก ประตู ตู้ หน้าต่าง และอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง ซึ่งการสำรวจแบบนั้น มันเป็นการท้าทายความกลัวของผู้เล่น แต่แน่นอนมันมีไอเทมให้ ทุกครั้งที่สำรวจ บางทีเราอาจจะได้ไอเทม หรือบางทีอาจจะไม่ได้อะไรเลยว่างเปล่า หรือแย่ที่สุดเจอผี! ถ้าดีก็เจอในรูปแบบ Spirit List แต่ถ้าแย่คือเจอแบบที่เข้ามาโจมตีเรา เอ้อ! ผมลืมบอกไปบางทีการเก็บไอเทมที่ตกอยู่อาจจะไม่ได้ทำให้เราเจอแค่มือผี เราอาจจะเจอมือผีพร้อมกับเจ้าของมือนั้นตัวเป็นๆ ก็ได้นะ

            ทางด้านไอเทม ภาคนี้เราไม่สามารถซื้อฟิล์มได้เหมือนภาค 4 อีกแล้ว แต่เราก็สามารถเก็บตามทางได้ดังเดิมรวมถึงสำรวจข้าวของ โดยบางทีถ้าคุณชอบส่องโน่นส่องนี้ คุณอาจจะได้ฟิล์ม 90 ไปครองตั้งแต่ต้นเกมเลยทีเดียว พูดง่ายๆคือภาคนี้ ไอเทมเยอะมาก ถ้าสำรวจดีๆ

            ทางด้านวิญญาณ ภาคนี้การสู้กับวิญญาณอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เนื่องจากการที่เราเป็นมุมมองข้ามไหล่ บางทีการเจอวิญญาณหลายๆ ตัวอาจจะทำให้ตกที่นั่งลำบากได้เช่นกัน เพราะการกลับหลังหันที่ช้ากว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นท่าทางการโจมตีของวิญญาณก็ถอดแบบมาจากภาคออริจินัลเลย ใครจำท่าทางของวิญญาณในภาค 2 ได้ น่าจะรับมือได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมนั้นคือวิญญาณในนีันก็ี้ภาคนี้มีร่าง Dark Return ซึ่งมันก็คล้ายๆ กับ Blooming ในภาค 4 นั่นแหละ วิญญาณเก่งขึ้น ท่าโจมตีแอดวานซ์ผาดโผนขึ้น

            ในด้านการหลบ ภาคนี้เราจะไม่หลบ 3 ทีแล้วล้มเหมือนภาค 4 อีกแล้ว เราจะหลบได้ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเราโดนวิญญาณจับได้ล่ะก็ เมื่อเราสะบัดให้หลุดบางครั้งเราก็ล้มลงไปนอนกับพื้นได้ด้วย และถ้าเราลุกไม่ทัน เราก็จะสามารถโดนวิญญาณเข้ามาโจมตีซ้ำเติมได้อีกนั่นเอง

            อีกอย่างที่รู้ๆกันว่าภาคนี้ได้ยกระบบหลายๆ อย่างจากภาค 4 มา เพราะฉะนั้น ระบบ Lock-on ก็กลับมาด้วย แต่ว่าวิญญาณในภาคนี้ไม่ได้ล็อคหัวง่ายเหมือนภาค 4 บางตัวจะมีการหายตัวไปมา ซึ่งเราต้องกด Lock-on ใหม่ทุกครั้งที่มันปรากฏตัว แถมบางตัวนั้น Lock-on ยากมาก อีกทั้งผมยังสังเกตได้ว่าภาคนี้ ระบบ Lock-on มันไม่ได้ Lock-on ให้ศรีษะของผีอยู่ตรงกลางแบบเป๊ะๆเหมือนภาค 4 อีกด้วย นอกจากนั้นแล้วผมยังรู้สึกว่าภาคนี้วิญญาณเปิดโอกาสให้ถ่ายจังหวะ Fatal Frame น้อยกว่าภาค 4 อีกต่างหาก



กล้อง Obscura

              เนื่องจากหลายๆ อย่างนั้นถูกยกมาจากภาค 4 และ 2 บนเครื่อง Ps2 ทำให้ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลย นั่นคือกล้อง Obscura จากภาคเก่าบน Ps2 ที่เป็นการถ่ายโดยขึ้นอยู่กับระยะ กลายเป็นการชาร์จกล้องแบบเกม Fatal Frame ภาคอื่นๆ แทน กลายเป็นว่าเราไม่ต้องเข้าใกล้แล้วรอจังหวะวิญญาณก็สามารถชาร์จกล้องและทำดาเมจใส่วิญญาณได้เลย และถ้าวิญญาณหายไปจากเฟรม อักขระบนกล้องจะไม่ลดในทันทีเหมือนภาค 4 แต่จะค่อยๆ ลดอย่างช้าๆ แทน นอกจากนี้ Capture Circle ในภาค DCB ก็เป็นรูปแบบเต็มวงกลม ไม่ใช่เกือบเต็มวงแบบภาค Ps2 อีกแล้ว ด้วยความที่แตกต่างกันขนาดนี้ กล้องตัวนี้จึงกลายเป็นกล้องตัวที่ 8 ในด้านเกมเพลย์ของซีรี่ย์ไปโดยปริยาย



หน้า Viewfinder ของกล้อง Obscura

นี่คือหน้า ViewFinder แบบ Full-Scale เต็มทุกอย่าง ทั้งแบบใส่เลนส์ Butterfly และไม่ใส่เลนส์ Butterfly (เลนส์ Butterfly มีเอฟเฟคสามารถชาร์จพลังกล้อง Capture Circle เพิ่มได้อีกหนึ่งวง)




แบบธรรมดา 



แบบใส่เลนส์ Butterfly 



การอัพเกรด
       ในภาคนี้จะกลับไปใช้ Points ในการอัพเกรดกล้องเหมือนภาคปกติอื่นๆ ไม่มีการเจาะช่องแบบภาค 2 ออริจินัล ไม่มีการใช้หินวิญญาณสีน้ำเงินในการอัพเกรดกล้อง สีแดงในการอัพเกรดเลนส์ แบบภาค 4 แต่ว่าในภาค DCB ก็มีไอเทมหินวิญญาณทั้งสองสีเหมือนภาค 4 เช่นกัน โดยหินดังกล่าวคือตัวแทนของก้อน Point ก้อนหนึ่ง โดยสีแดงจะให้ Point เยอะกว่า และหายากกว่าสีน้ำเงิน (อย่าสับสนระหว่าง Points อัพเกรดกล้อง กับ Spirit Points ที่เอาไว้ใช้เลนส์นะครับ)



คุณสมบัติของกล้อง
ทางด้านคุณสมบัติของกล้อง จากภาคออริจินัลที่มีแค่ 3 อย่าง ในภาค DCB จะมีถึง 4 อย่างด้วยกัน แต่ทั้งหมดก็ตันอยู่ที่เลเวล 3 เหมือนเดิม โดยคุณสมบัติดังกล่าว แบ่งออกเป็นดังนี้



Range เพิ่มขนาดของ Capture Circle

Lv.0 >>> Lv.1 cost: 6000 points

Lv.1 >>> Lv.2 cost: 15000 points

Lv.2 >>> Lv.3 cost: 32000 points



Capacity เพิ่มความแรงของกล้อง Obscura

Lv.0 >>> Lv.1 cost: 12000 points

Lv.1 >>> Lv.2 cost: 25000 points

Lv.2 >>> Lv.3 cost: 45000 points



Sensitivity เพิ่มความเร็วในการชาร์จพลังของกล้อง Obscura

Lv.0 >>> Lv.1 cost: 8000 points

Lv.1 >>> Lv.2 cost: 18000 points

Lv.2 >>> Lv.3 cost: 35000 points



Sprit Points เพิ่มจำนวนลูกแก้ว Spirit Points ของกล้อง Obscura (ถ้าลูกแก้วเยอะก็ใช้เลนส์ได้มากขึ้น)

Lv.0 >>> Lv.1 cost: 10000 points

Lv.1 >>> Lv.2 cost: 20000 points

Lv.2 >>> Lv.3 cost: 38000 points



เลนส์และฟังก์ชั่น

ดูรายชื่อเลนส์และฟังก์ชั่นที่นี่ => Click

              ในภาคนี้ระบบเลนส์และฟังก์ชั่นจะแตกต่างจากภาคอื่น เพราะภาคนี้เป็นภาคแรกที่เราสามารถใช้เลนส์ได้พร้อมกันถึง 3 เลนส์! จากปกติที่เราสามารถใส่เลนส์ได้ 3 เลนส์ก็จริง แต่สุดท้ายก็ต้องสลับเลนส์ใช้ทีละเลนส์อยู่ดี ดังนั้นในภาคนี้เขาจึงใช้ระบบแบ่งเลนส์แต่ละประเภทออกเป็น 3 สี ได้แก่

สีแดง เป็นสายทำดาเมจ เช่น Blast, Butterfly, Zero, Crush   

สีน้ำเงิน เป็นสายดีบัฟ เช่น Stun Slow, Tether, Drain  

สีเขียว เป็นบัฟ เช่น Restore, See, Reward, Fatal 

            โดยเราสามารถใส่เลนส์ได้แค่ 1 เลนส์ ต่อ 1 สีเท่านั้น เวลาคิดค่า Spirit Points ก็จะเอาค่า Point ที่แต่ละเลนส์ใช้มารวมกัน แล้วลบกับ Spirit Points ที่เรามี ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้ CrushTether, Fatal Spirit Points ที่แต่ละเลนส์ต้องการนั้นคือ 4 2 4 ตามลำดับ เมื่อเอามารวมกันจะเท่ากับ 10 Spirit Points ซึ่งเยอะมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้กล้อง Obscura ในภาคนี้มีลูกแก้ว Spirit Points เยอะที่สุดใน Fatal Frame Series ซึ่งเมื่อเราอัพ Spirit Points จนถึงขั้นสุดท้าย กล้องของเราจะมีลูกแก้ว Spirit Points ถึง 10 ลูก นั่นแสดงว่าชุดเลนส์เมื่อกี้นี้ใช้หมดหน้าตักเลยทีเดียว(จริงๆแล้วเลนส์ชุดนี้เอาไว้ใช้คู่กับฟังก์ชั่น Optimal หรือก็คือ Festival ในภาคอื่น ) ด้านอัพเกรด เลนส์แต่ละเลนส์ในภาคนี้ มีให้อัพเกรดถึง 3 เลเวลเหมือนปกติ


ด้านฟังก์ชั่น ในภาคนี้เขาได้เอาฟังก์ชั่นออกไป เหลือแค่ 4 ฟังก์ชั่น คือ Evade , Sense ,Infinite , Optimal ซึ่งพอลองดูดีๆแล้วการที่กล้องนี้ไม่ต้องการ Measure ในการมองเห็นพลังชิวิตของผีเหมือนภาคอื่นๆ และอีกหลายๆฟังก์ชั่น นั่นก็แสดงว่า ถ้าไม่อิงตามเนื้อเรื่อง กล้องนี้มันดีที่สุดเลยนี่หว่า! หรือจะคิดอีกนัยหนึ่งคือ ดร. อาโซใส่ฟังก์ชั่นเหล่านี้ให้ ก่อนที่มาคาเบะจะมายืม



Shot ต่างๆใน Fatal Frame Deep Crimson Butterfly

- Close Shot

ถ่ายวิญญาณในระยะที่ใกล้มาก

- Core Shot

ถ่ายโดยวิญญาณโดยที่ Crosshair ตรงกลางของกล้องอยู่ในวงกลมที่ล็อคศรีษะของวิญญาณ

- Max Shot

ได้มาจากการถ่ายวิญญาณในขณะที่เกจ Capture Circle ชาร์จเต็ม

- Fatal Frame Shot

ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Fatal Frame

- Synchro Shot*

ได้จากการกด A (ถ่ายรูป) บน WiiMote 2 ตัว พร้อมกัน

- Double Shot

ถ่ายวิญญาณ 2 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง

- Triple Shot

ถ่ายวิญญาณ 3 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง

- Double Kill

ฆ่าวิญญาณได้ 2 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง

- Triple Kill

ฆ่าวิญญาณได้ 3 ตัวในการถ่าย 1 ครั้ง

- Fatal Time Kill

ฆ่าวิญญาณด้วย Fatal Frame

- Just Kill

ทำดาเมจใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจมีค่ามากกว่าพลังชีวิตของวิญญาณเล็กน้อย

- Zero Shot

ถ่ายวิญญาณในจังหวะ Zero Shot โดยที่กล้องจะต้องชาร์จจนเต็มและ Capture Circle จะเปล่งแสงสีแดง

*เป็นช็อทที่มีเฉพาะภาคนี้ภาคเดียวเท่านั้น


ขยายความเกี่ยวกับ Synchro Shot

       Synchro Shot เป็น Shot ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน DCB โดยที่ผู้เล่นนั้นจะต้องมี WiiMote อยู่สองตัว หมายความว่าจริงๆแล้ว นอกจาก Haunt House Mode ด้านเนื้อเรื่อง ผู้เล่นก็สามารถเล่นได้ถึง 2 คน?! ถ้ามีใครสงสัยว่า Synchro Shot มีประโยชน์อะไรยังไง ผมเลยเอาไปทดสอบกับมิยาโกะ โดยเปรียบเทียบกับ Zero Shot เอา ตามภาพ

ภาพการใช้ Synchro + Max shot




ภาพการใช้ Zero Shot + Max shot



          จะเห็นได้ชัดเลยว่า  Zero Shot จะมีดาเมจที่แรงกว่า Synchro Shot และได้ Points ที่ใช้อัพกล้องมากกว่า Synchro Shot ถ้ามองโดยรวมแล้ว Zero Shot นั้นดีกว่าเห็นๆ  แต่ถ้าดูดีๆ แล้ว จะมีสิ่งหนึ่งที่ Zero Shot สู้ Synchro Shot ไม่ได้ นั่นคือ เวลาเราถ่ายรูปวิญญาณด้วย Synchro Shot พลัง Spirit Point ที่เราได้กลับมา จะเป็นสีส้ม จากปกติที่เป็นสีฟ้า และเมื่อเวลาเราถ่ายวิญญาณด้วย Synchro Shot เราจะได้ค่า Spirit Points กลับคืนมามากกว่า Zero Shot นั่นเอง
          
          สรุปก็คือ Synchro Shot ถูกเพิ่มเข้ามาให้ผู้เล่น เล่นได้อย่างสะดวกสบายและง่ายมากขึ้นถ้าผู้เล่นมีถึง 2 คนขึ้นไป เพราะ Synchro Shot นั้นไม่สามารถถูกทับด้วย Shot อื่นๆได้แต่อย่างใด สามารถเอาไปใช้คู่กับเลนส์ หรือ Fatal Frame หรือ Zero Shot ก็ได้ และเมื่อเอา Fatal Frame + Zero Shot + Max Shot + Synchro Shot + กับเลนส์ที่คุณใส่ มันก็จะกลายเป็นกล้องที่สามารถทำดาเมจ และได้ Points ต่างๆ กลับมาอย่างมหาศาลเลยทีเดียว




ทริคเล็กๆน้อยๆ กับหนทางสู่การเคลีย Nightmare ด้วยระดับ SS !!

         เอาล่ะมาถึงหัวข้อเกือบสุดท้ายกันแล้ว ในครั้งนี้เกมไม่ติดบัคแล้ว เราสามารถปลดฟังชั่นก์ Optimal + เลนส์ Fatal ได้ ดังนั้นผมจึงแนะนำอะไรไม่ได้มากเพราะหลังจากที่ผมได้ 2 สิ่งนี้มา ผมก็ใช้มันมาโดยตลอด แต่ก่อนที่เราจะได้มันมาลองดูสิว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง เลนส์ Fatal  ได้จากเล่นเกมจบหนึ่งรอบ.... ไม่มีปัญหา ผ่าน! แล้วฟังก์ชั่น Optimal ล่ะ... ถ่ายภาพ Spirit List ให้ครบ.....  Oh My God! เอาจริงๆ มันไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกครับในการถ่าย Spirit List แค่ต้องมีความอดทน แต่ปัญหามันคือภาพสุดท้าย มันอยู่ที่ ซาเอะ!  นอกจากคุณต้องถ่ายซาเอะแล้ว คุณยังต้องถ่ายหลุมนรกด้วย! เพราะฉะนั้นผมจึงแนะนำว่าให้เล่นระดับ Easy หรือ Normal ก็ได้แล้วแต่ท่าน แต่ในตอนที่ 8 ให้เลือกทำรูทสู้ซาเอะ ถ้าคิดจะเก็บภาพพวกนี้ (สำหรับคนที่ไม่ได้ทำ Sidequest ในรอบแรกก็อย่าลืมทำด้วยล่ะ)
         
        ทำไมผมถึงอุทานว่า Oh my god กับซาเอะในครั้งนี้ ผมจะบอกไว้เลยว่าถ้าคุณเคยสู้กับซาเอะในภาคออริจินัลบน Ps2 คุณลบภาพซาเอะคนนั้นทิ้งไปได้เลย  ซาเอะที่เราวิ่งเข้าหมอกนางแล้วนางวาร์ปหนีนั้นไม่มีอีกแล้ว ซาเอะที่ไล่จับเราเลือดเราลดนิดหน่อยในระดับ Hard นั้น ไม่มีอีกแล้ว สิ่งที่มีอยู่คือนางไม่วาร์ปหนีแล้ว  และนางจับทีเดียวตาย! แม้คุณจะเล่นในระดับ Normal หรือมีศิลากระจก(Mirror Stone) อยู่ 1 ก้อนก็ตาม เพราะฉะนั้นภาคนี้คุณต้อง Juke อย่างเดียวครับ Juke เท่านั้นที่ครองโลก เราจะใช้ทักษะการวิ่งหลบอันเชี่ยวชาญของเราในการพิชิตเธอ

       การสู้กับซาเอะนั้น ให้เราใส่ฟิล์มที่แรงที่สุุดก่อนและอย่าลืมถ้าคุณเคยเล่นจบไปแล้วรอบนึง ให้ใส่เลนส์ Fatal ด้วย เพราะจะทำให้คุณถ่าย Fatal Frame ได้มากกว่า 3 ช็อตและเมื่ออัพเต็ม เราจะถ่าย Fatal Frame ได้เท่าไหร่ก็ได้

     เรามี 2 วิธีในการรับมือเธอ โดยวิธีแรกนั้นคือ วิธีสไตล์ออริจินัลบน Ps2  โดยจะเป็นการ Juke หลบนาง 3 ครั้ง แล้วค่อยสวนด้วยจังหวะ Fatal Frame ตอนนางไม่มีหมอกสีแดง(ปกติแล้วผมใช้วิธีนี้) ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีคอนเฟิร์ม จังหวะ Fatal Frame ทุกดอกอย่างแน่นอน ส่วนอีกวิธีหนึ่งจะเป็นการสู้กับนาง แบบถ่ายแล้วหนี
     
      เอาล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่ากับการสู้ซาเอะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าเราคิดจะใช้วิธีบน Ps2 ความยากในภาคนี้ มันจะยากกว่ามาก เพราะด้วยการที่มันเปลี่ยนมุมกล้อง ทำให้เราไม่รู้ได้เลยว่าซาเอะนั้นอยู่ห่างจากเราไกลแค่ไหนเวลาหนี ผมจึงแนะนำให้วิ่งวนอยู่ใกล้ๆนาง แต่อย่าให้นางจับได้นะครับ(คือมันฟังดูง่าย แต่ที่จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยสักนิด) ทำไมผมถึงไม่แนะนำให้วิ่งหนีไปไกลๆ นั่นก็เพราะถ้าเราวิ่งห่างจากนางไปไกลเกินไป นางจะวาร์ปมาดักหน้าเหมือนโอเสะในภาค 5 แต่ต่างกันตรงที่นางวาร์ปมาแล้วเดินเข้ามาบีบคอเรา และไม่สามารถโยกหลบได้ด้วย! ถ้าโดนอย่างงั้นก็เริ่มใหม่ลูกเดียว

        เริ่มต้นมาปุ๊บ นางจะยืนหัวเราะท่ามกลางหมอกสีแดงฉาน จังหวะนี้สำหรับคนที่ต้องการจะเก็บ Spirit List หลุมนรก ให้รีบวิ่งไปตรงหลุมนรกด้านหลัง(อีกฝั่งด้านตรงข้ามกับที่ซาเอะยืนหัวเราะ) แล้วรีบเปิดกล้องแล้วก้มลง มองหาให้ Capture Circle เป็นสีฟ้า
 
        ในระหว่างที่คุณถ่ายนั้นซาเอะจะวาร์ปมาที่ข้างหน้าคุณ 1 ครั้ง อย่าเพิ่งตกใจไป นางก็แค่มาหัวเราะอยู่เหมือนเดิม ให้เราจับตาดูนางอย่างนิ่งๆ หลังจากนั้นนางจะเปลี่ยนที่ใหม่โดยเข้ามาใกล้เรากว่าเดิม  ทีนี้นางจะหัวเราะอยู่เหมือนเดิม ครั้งนี้ให้เราถอยหลังมาเพื่อสร้างระยะห่างกับเธอ พอผ่านไปสักพักนางจะเริ่มเดินเข้ามาหาเรา
 
       ซาเอะจะมีการเดินเข้ามาอยู่ 2 ท่า ท่าที่ 1 คือเดินมาบีบคอเฉยๆ และ ท่าที่ 2 คือท่า(พยายาม)วิ่งมาบีบคอครับ อย่างที่รู้ๆกันว่าซาเอะนั้นขาไม่ดี นางก็จะวิ่งแบบคนขาเป๋นั่นแหละ ซึ่งท่าทางมันดูประหลาดๆหน่อย แต่ท่ามันยาวมาก! ซึ่งเราอาจจะต้องวิ่งนานกว่าท่าแรกหน่อย ต่อไปก็จะเป็นวิธีทั้ง 2 วิธีที่เคยกล่าวไว้

      วิธีที่ 1 สเต็ป Juke แบบออริจินัล วิธีนี้อย่างที่บอกมันคล้ายๆกับภาคเก่าแต่แตกต่างนิดหน่อย ระหว่างที่ซาเอะหัวเราะ ให้คุณเดินถอยหลังอย่างช้าๆ ขณะที่หันหน้าเข้าหาซาเอะ ถ้าซาเอะอยู่ทางขวา ให้เราหันหน้าเข้าซาเอะแล้วเฉียงออกไปทางซ้าย อย่าให้ซาเอะหลุดจอจนหมด เมื่อซาเอะเริ่มเดินมาหาเรา ให้ดูว่านางจะเข้ามาท่าไหน ถ้าใช้ท่าที่ 1 ให้เราวิ่งออกเฉียงซ้ายโลดโดยห้ามทิ้งระยะห่างจากเธอมากนัก แต่ก็ต้องหลบเธอให้พ้น แต่ถ้าเป็นท่าที่ 2  ให้เราทำเหมือนกับรอบแรกแต่วิ่งให้วิ่งวนเเป้นวงกลมรอบตัวเธอยาวๆ จนกว่าจะเห็นอนิเมชั่นที่เธอจับเราไม่สำเร็จ เมื่อผ่านรอบแรกไปแล้ว ซาเอะจะวาร์ปหนีไปตั้งหลักที่ใหม่ เราก็กลับหลังหัน แล้วหันหน้าหาซาเอะใหม่อีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 3 รอบ เมื่อครบ 3 รอบเสร็จ นางจะเหนือ่ยวาร์ปไปอยู่เฉยๆ ทีนี้หมอกสีแดงที่ปกคลุมตัวนางจะหายไป แล้วนางจะเปิดจังหวะ Shutter Chance แต่ให้รอสักพักจะมี จังหวะ Fatal Frame ขึ้นมา ให้ถ่ายนางตอนนั้น และอย่าลืมใช้เลนส์ Fatal ด้วย เพราะมันจะทำให้เราสามารถถ่าย Fatal Frame ได้เรื่อยๆ จนกว่านางจะตาย แต่ถ้าเรากด Fatal Frame พลาด ก็ให้เราวิ่งหนีเหมือนเดิมจนกว่านางจะเปิดจุดอ่อนอีกครั้ง

      วิธีที่ 2 สเต็ปถ่ายแล้วหนี วิธีนี้คือใช้กล้องถ่ายรูป ต่อกรกับนางตอนที่นางอยู่ในหมอกแดงนั่นเอง อย่างที่รู้ๆกันว่าภาคออริจินัลนั้น กล้องจะไม่สามารถจับซาเอะตอนอยู่ในหมอกได้ ยกเว้นว่านางจะเดินเข้ามา ซึ่งภาคนี้กล้องสามารถจับนางที่อยู่ในหมอกได้แล้ว แต่อย่าเผลอไปกด Lock-on ตอนที่นางหัวเราะอยู่ในหมอกเข้าล่ะ มิฉะน้นหน้าจอ ViewFinder ของคุณจะเป็นแบบนี้

ซาเอะ เธอทำกล้องรวนไปหมดแล้ววว!!
   
           วิธีนี้ออกจะเหมือนสเต็ปถ่ายผีธรรมดาคุณสามารถถ่าย Max shot ตอนที่ซาเอะหัวเราะอยู่ในหมอกได้อย่างสบายใจ ในตอนที่เธอหัวเราะให้เราเว้นระยะห่างออกมาอยู่ไกลๆ จากเธอก่อน ถ้าตอนแรกคุณถ่าย Max shot ใส่เธอเมื่อไหร่นางก็จะวาร์ปเปลี่ยนตำแหน่งแล้วพร้อมเดินทันที ตอนที่ซาเอะเดินให้เราสังเกตท่านาง ถ้านางเดินเข้ามาโดยใช้ท่าที่่ 1 ให้วิ่งหนีเลยครับท่านี้เราทำได้แค่ Maxshot ซึ่งต่อให้คุณถ่ายนางด้วย Max Shot ยังไง นางก็จะกลับมาอยู่ข้างหน้าคุณแล้วบีบคอคุณตายอยู่ดี แต่ถ้าคุณโชคดีนางใช้ท่าที่ 2 ท่านี้จะทำให้เราจับจังหวะนางได้ง่ายขึ้น และท่านี้ยังเป็นตัวที่ทำให้เกิดจังหวะ Fatal Frame อีกด้วย โดยการที่คุณจะถ่ายจังหวะ Fatal Frame ด้วยท่านี้ได้นั้น คุณต้องมีระยะห่างกับซาเอะมากพอควร ถ้าคุณรู้สึกว่ามันใกล้เกินไปให้หนีครับ บางครั้งซาเอะจะมีการใช้ท่าแรกแล้วเปลี่ยนมาเป็นท่าที่ 2 ตอนหลัง และมีการวาร์ปเพื่อเปลี่ยนท่า แล้วแต่ดวงที่ผู้เล่นจะเจอ เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซาเอะก็จะเข้าสู่ช่วงพักเหนื่อย จังหวะนั้นจะมี Shutter Chance ถ่ายจังหวะ Fatal Frame ได้ฟรีๆ ครับ และอย่าลืมตอนถ่าย Fatal Frame ให้ใช้เลนส์ Fatal ด้วย
         
           เมื่อสู้จนพลังชีวิตนางหมดภายใน 2 นาที นางก็จะเข้าสู่ช่วง Dark Return (ถ้าฆ่านางได้ภายในเวลาที่มากกว่า 2 นาที นางจะตายเลย แล้วเราได้ฉากจบ Frozen Butterfly) ในช่วงนี้การโจมตีของซาเอะจะเปลี่ยนไป นางจะมีท่าใหม่ขึ้นมา นั่นคือการวาร์ป 2 ครั้งที่บริเวณรอบๆตัวเราก่อนที่จะเดินมาบีบคอเรา ซึ่งการวาร์ปของนางจะเป็นแบบสุ่ม ส่วนการบีบคอของนางก็จะมี 2 ท่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือระวังการวาร์ปมาจับจากด้านหลังและให้ระวังท่าที่ 1 ให้มากๆ เพราะการเดินมาบีบคอเลยของนางหลังจากการวาร์ปนั้น จะทำให้เราตั้งตัวไม่ทัน วิธีการสู้กับซาเอะในรอบนี้ผมแนะนำให้ใช้วิธี Juke วิ่งหนีหลบการโจมตีของนาง 3 รอบวิธีเดียวเท่านั้น หลังจากวิ่งหลบการโจมตีของซาเอะ 3 รอบสำเร็จ ซาเอะก็จะเหนื่อยและเปิดช่องโหว่ แล้วเราก็จะสวนนางด้วยจังหวะ Fatal Frame พร้อมกับเลนส์ Fatal ของเราได้ แต่ระวังไว้ล่ะว่าจังหวะ Fatal Frame ของซาเอะในร่าง Dark Return จะไวกว่าปกติ ถ้าซาเอะไม่ตายเราก็ทำตามสเต็ปแบบนี้ใหม่ไปเรื่อยๆจนชนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณจะใช้วิธีแรกกับวิธีที่ 2 ผสมกันก็ได้แล้วแต่ แต่จงจำไว้ว่าควรทิ้งระยะห่างจากตัวนางเอาไว้อย่าอยู่ใกล้จนเกินไป เชื่อหรือไม่ว่าจนบัดนี้ซาเอะก็เป็นผีตัวเดียวที่ทำให้ผมยังตายได้อยู่ จนถึงตอนนี้ ผมเคยตายใน Nightmare ไป 6 รอบติด ก่อนที่จะเอาชนะนางในรอบที่ 7 ตอนไลฟ์สตรีมเกมนี้ด้วย......
           
           แถมให้วิธีสุดท้าย!(ที่ไม่รู้จะบอกทำไม)  ถ้าคุณมี  Optimal + เลนส์ Fatal ซาเอะก็จะเป็นขนมไปในทันทีต่อให้คุณ Lock-on มีหน้าจอแบบรูปด้านล่างก็ตาม คุณก็ยังถ่าย Fatal Frame นางได้!



รับไปซะความแค้นของฉัน!

           เอาล่ะจบเรื่องซาเอะสักที เขียนถึงซาเอะมากจนลืมไปเลยว่านั่นมันเป็นแค่หนึ่งในขั้นตอนสู่ SS จนถึงตอนนี้เราน่าจะปลดล็อค Optimal กับ Fatal กันแล้ว เมื่อ 2 สิ่งนี้อยู่ด้วยกันมันก็จะกลายเป็น Infinity Combo Shot! ดังภาพข้างบน นั่นคือเราจะถ่ายภาพวิญญาณด้วย Fatal Frame กี่ Shot ก็ได้จนกว่าวิญญาณตนนั้นจะตายหรือฟิล์มหมด ที่เหลือเราก็แค่ปรับแต่งใส่เลนส์ สีแดง สีน้ำเงินเข้าไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ยกตัวอย่างที่ผมใช้ก็คือ Crush +Tether +Fatal (เอ๊ะนี่มันเซ็ทเทหน้าตักที่กล่าวถึงข้างบนโน้นนี่หว่า!) แต่คราวนี้เรามี Optimal ละ เราไม่ต้องกังวลเรื่อง Spirit Points อีกต่อไป
    
          เอาล่ะทริคต่อไปนั่นก็คือทริคการขึ้นบันไดแบบผิดปกติ! อย่างที่ผมบอกในบทความ Gameplay ของภาคออริจินัลว่า ภาค DCB กับภาค 2 บน Ps2 มีวิธีเหมือนกัน!  งั้นผมจะไม่เขียนซ้ำอีกรอบ ขอ Copy and Paste เลยละกัน

         - ขึ้นชื่อว่า Fatal Frame มันต้องมีการเดินขึ้นบันไดแบบเหนือธรรมชาติ  (แต่ผมบอกไว้ก่อนว่าภาคที่ทำแบบนั้นได้ คือ 2 ,3 ,4 และ 2 รีเมคเท่านั้น และแต่ละภาคมันมีวิธีทำไม่เหมือนกัน ยกเว้น 2 กับ 2 รีเมคที่เหมือนกัน) เอาจริงๆ ผมอธิบายอาจจะไม่เห็นภาพ แต่ผมอยากบอก คือวิธีนี้มันมีเอาไว้เพื่อให้คุณเดินขึ้นบันไดเร็วๆ ถ้าคุณเคยลองกดปุ่มวิ่งรัวๆ หรือดู Youtube พวก Speed Run คุณอาจจะเคยเห็นมิโอะวิ่งท่าแปลกๆ วิ่งด้วย Animation เฟรมเดียว จนบางทีอาจจะทำให้เราหลุดขำก๊ากได้ 5555 นั่นคือการ Cancel Animation โดยปกติมันจะมี Animation การวิ่งสองแบบ คือวิ่งบนพื้นและวิ่งขึ้นบันได ซึงไอวิ่งขึ้นบันไดเนี่ย มันช้ากว่าวิ่งบนพื้น เพราะงั้นใครที่อยากขึ้นบันไดเร็วๆๆ เพื่อจบ Rank SS ล่ะก็ควรรู้ไว้ วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย แต่ต้องฝึกนิดหน่อย โดยวิธีดังกล่าวนั้นก็อย่างที่บอกไป กดปุ่มวิ่งรัวๆ คำถามคือเราควรเริ่มกดตอนไหนให้ใช้ได้ผล? ถ้าตอบว่าตอนขึ้นบันไดล่ะก็คิดผิดแล้ว ต้องตอนก่อนขึ้นบันไดนิดนึง เพราะว่าตอนก่อนขึ้นบันได Animation การวิ่งของมิโอะยังเป็นการวิ่งบนพื้น ซึ่งมันเร็วกว่าอยู่แล้ว เมื่อเรากดติด Animation การวิ่งขึ้นบันไดของมิโอะ จะถูกแทนด้วย Animation วิ่งบนพื้น ซึ่งเราต้องกดรัวๆ ตลอดระหว่างวิ่งขึ้นบันได กดรัวๆ ไปจนกว่าจะถึงด้านบนเลย อย่าหยุดกด หรือเสียจังหวะ เพราะถ้าคุณหลุดเมื่อไหร่ มันจะเข้า สู่ Animation การวิ่งขึ้นบันไดทันที ซึ่งต่อให้คุณกดใหม่ระหว่างทางมันก็วิ่งช้าเสียแล้ว แล้วก็ตอนลงก็ใช้วิธีนี้ได้ด้วยเช่นกันนะ เราสามารถดูได้ว่าติดหรือไม่ติดจากความเร็ว ถ้ามิโอะวิ่งเร็วกว่าปกติ ยินดีด้วยคุณทำได้ แต่ถ้าช้าเหมือนวิ่งขึ้นบันไดปกติ แสดงว่าคุณเริ่มกดช้าเกินไป เพราะมิโอะเข้าสู่ Animation การวิ่งขึ้นบันไดไปเสียก่อน (ผมแนะนำสถานที่ฝึกบ้านโอซากะ เพราะปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสนามเด็กเล่นของเหล่าเด็กเลย)

         - เอาล่ะต่อไปก็มาถึงมายุ พี่สาวสุดป่วนของเรา ในออริจินัล เราจะรู้กันว่านางวิ่งได้! แต่เหตุไฉนภาคนี้เธอวิ่งไม่ได้ เอาจริงๆแล้วเธอวิ่งได้ครับ แต่ต้องกดหลายปุ่มหน่อยนั่นคือ กดปุ่ม C บน Nunchuck ค้าง (เป็นปุ่มที่ใช้เดินแบบ Lateral movement หรือ Side-Step เป็นการเดินไปด้านข้าง) แล้วเดินไปข้างหน้า พร้อมกับกดปุ่ม Z(ปุ่มวิ่ง) ค้าง แค่นี้เธอก็จะวิ่งได้ครับ แต่ถ้าจะเลี้ยวต้องปล่อย แล้วเดินเลี้ยวธรรมดา เพราะมายุไม่สามารถวิ่งเลี้ยวได้ ซึ่งใช้ร่นระยะเวลาได้มากถ้าบังคับเป็นเธอ เพียงเท่านี้เราก็จะเป็นหนูมิโอะเท้าไฟไปวิ่งในระดับยากๆ ได้สบายๆ แล้ว!

          พอเราเคลีย Nightmare ได้สำเร็จเราจะได้ ฟังก์ชั่น Infinite ฟิล์มไม่มีวันลด เมื่อเราเอาสิ่งนี้ไปรวมกับ Fatal และ Optimal แล้ว มันก็จะกลายเป็น True Infinity Combo Shot ! 

          ส่วนด้านคอสตูมนั้น มักจะมาจากฉากจบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเรามีของพวกนี้เราก็เคลียได้หมดไม่ยากเย็น สำหรับผมเล่นรอบละ ประมาน 2 ชั่วโมงก็จบแล้ว....
      
          อั๊ะ! อีกเรื่องหนึ่งผมลืมไปเลย สำหรับใครที่เล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แล้วไม่ได้ SS ไม่ต้องสงสัยนะครับ นั่นก็เพราะว่า แรงค์สูงสุดของเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนั้นคือ A+ ครับ





        อันนี้เป็น Best Rank ของผมที่ได้มาตอนสตรีมเกมนี้ที่ช่อง Mylive เป็นภาพเปรียบเทียบกันระหว่างเวอร์ชั่นอังกฤษ(บน) และเวอร์ชั่น ญี่ปุ่น(ล่าง) จะเห็นว่าเวลาไม่ต่างกันเท่าไหร่ แสดงว่า A+ คือแรงค์สูงสุดจริงๆ.... แล้วผมทำอีท่าไหนไปเคลีย Nightmare เร็วกว่า Normal ได้เนี่ย

------------------------------------------------------------------------------------

        เอาล่ะจบกันไปแล้วกับการเขียน Gameplay ของ Fatal Frame แต่ละภาค สำหรับผมแล้วการที่ไม่มี Mission Mode มันก็ดีอยู่หรอก แต่เราก็ต้องแลกกับการไปวิ่งเนื้อเรื่องแบบนั้นซ้ำๆ กันเรื่อยๆ แต่เอาเถอะ ทีนี้ก็เหลือแค่ของภาค 5 แล้ว อยากให้พอร์ทมาลง Switch จัง orz ขอขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านจนถึงตอนนี้ด้วยนะครับ เหนื่อยมากก แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าครับ บะบาย! 


กลับสู่หน้าหลัก


--------------------------------------------
Update History
- 20/01/2562 อัพเดทการสู้กับซาเอะในร่าง Dark Return เพราะลืมใส่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น