วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Fatal Frame 2 Crimson Butterfly บทวิเคราะห์ Gameplay และ กล้อง Obscura


      



            

               ด้วยความที่ภาคแรกนั้นมีความน่ากลัวมาก และความยากในภาคแรกนั้นก็ยากมากจนส่งผลทำให้ตัวเกมในภาคแรกมีความน่ากลัวและกดดันมากขึ้นไปอีก ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ได้เล่นภาคแรกนั้นก็มักจะเล่นไม่จบเนื่องจากทนความยากและความน่ากลัวของภาคแรกไม่ไหว เพราะฉะนั้นผู้พัฒนาจึงได้สร้างภาค 2 ขึ้นมาโดยทำให้ระบบการเล่นนั้นง่ายกว่าเดิม เพื่อที่จะให้ผู้เล่นเล่นจบได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ภาค 2 ก็ยังคงความสยอง บรรยากาศน่ากลัวๆ เช่นเดิมถึงจะไม่ได้เท่าภาคแรก แต่ก็ทดแทนด้วยเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจมากกว่าภาคแรก และฉากจบที่ฝังใจผู้เล่น รวมถึงศัตรูหลักประจำภาคที่มีเอกลักษณ์น่าจดจำและอาฆาตพยาบาทที่สุดในซีรี่ย์ ทำให้ภาค 2 นี้ กลายเป็นภาคในตำนาน จนถูกนำมารีเมคลงเครื่อง Wii ในเวลาต่อมา



ระบบการเล่น


         ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็นอามาคุระ มิโอะ แฝดผู้น้อง ที่ได้วิ่งตามแฝดพี่สาว อามาคุระ มายุ ที่กำลังวิ่งตามผีเสื้อเข้าไปในป่า จนทั้งคู่หลงเข้าไปในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่ง เมื่อทั้งสองเข้ามาก็พบว่าทางที่ตนเดินเข้ามานั้นหายไปแล้ว ทั้งคู่จึงต้องช่วยกันตามหาทางออก จนค้นพบเรื่องราวเบื้องหลังอันน่ากลัวในหมู่บ้านนั้น

          แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างจากภาคแรกนั่นก็คือเรามี npc มาด้วย ก็มายุนั่นแหละ ซึ่งมายุจะเดินตามหลังเราไปทุกที่ แต่อาจจะช้าหน่อยเพราะนางขาเป๋ ด้วยการที่มีตัวละครถึง 2 ตัว ทำให้เวลาเจอผีบางครั้ง ผีจะหันไปโจมตีมายุแทนที่จะโจมตีเรา เพื่อเปิดโอกาสให้เราพิชิตผีตัวนั้นได้ง่ายขึ้นนั่นเอง แต่ระวังไว้ด้วยล่ะ เพราะมายุก็ตายได้เช่นกัน ถ้าให้มายุแทงค์มากๆ นานๆ เราจะ Game Over ไม่รู้ตัว ประโยชน์ของมายุนั้นนอกจากจะช่วยแทงค์ให้เราแล้ว นางยังสามารถบอกตำแหน่งวิญญาณได้ด้วย ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้บอกตรงๆว่าวิญญาณอยู่ตรงไหนก็เถอะ แต่เวลาเจอวิญญาณให้สังเกตที่ตัวนาง เพราะบางครั้งนางจะหันหน้าไปในทิศทางที่มีผีนั่นเอง

         ด้วยการที่มีมายุนั้น มันทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นและลดความกลัวได้มาก เพราะมายุนั้นเปรียบเสมือนเพื่อนคนนึงที่เดินอยู่ข้างๆเราในบ้านผีสิง ทำให้เราไม่รู้สึกวังเวงเมื่อเดินไปสำรวจในแต่ละที่ แต่เชื่อเถอะ คุณจะได้อยู่กับนางไม่กี่ตอน นอกนั้นคุณก็จะเดินลุยเดี่ยวแบบภาคแรก 55555 อีกทั้งถ้าคุณฟังภาษาอังกฤษออกล่ะก็ คุณจะรู้ดีเลยว่ามายุเป็นคนที่ชอบบิ๊วอารมณ์ให้บรรยากาศน่ากลัวขึ้นแค่ไหน เพราะน้ำเสียงของนางเหมือนคนที่เอาปากมากระซิบที่หูใกล้ๆ ยังไงอย่างงั้นเลย

         ด้านไอเทม ในภาคแรกนั้นไอเทมพวกน้ำมนต์ สมุนไพรและฟิล์มนั้นมีให้เก็บแบบน้อยมาก ยิ่งเจอวิญาณเก่งๆ ด้วยนี่ถึงกับทำให้ไอเทมที่มีให้มาไม่พอใช้เลย เพราะงั้นในภาคนี้เขาก็เลยเพิ่มความง่ายโดยการเพิ่มสมุนไพรและน้ำมนต์ รวมถึงฟิล์มให้เยอะขึ้น ฟิล์ม Type-14 มีเยอะประมานว่าคุณสามารถเก็บฟิล์มได้จนตันในรอบแรกที่เล่นได้เลย และเพราะตามทางมีของให้เก็บเยอะแบบนี้เขาจึงตัดระบบตู้กดฟิล์มในจุดเซฟออกไป

          ด้านวิญญาณของเกมนั้น เนื่องจากภาคแรกวิญญาณมันเร็วและโหดมาก เขาจึงทำให้ภาค 2 วิญญาณมันช้าลง ซึ่งส่วนใหญ่ หลายๆตัว ช้าลงมาก แทนที่มันจะเข้ามาโจมตีเราแบบตรงๆภาคแรกเลย ในภาค 2 มันกลับลีลาแล้วค่อยเข้ามาโจมตีเราซะมากกว่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น วิญญาณบางตนก็จะมีท่าไม้ตายประจำตัว ซึ่งทำให้เรารู้สึกระแวงเวลาสู้  แต่ยังไงซะภาคนี้มันมีฟังชั่นก์ที่ทำให้เราสามารถหลบวิญญาณได้เหมือนภาคแรก แต่ผมรู้สึกว่ามันง่ายกว่า เวลาเราโดนวิญญาณโจมตีเราก็สามารถหลบได้โดยการกดปุ่มถ่ายรูปให้ตรงจังหวะนั่นเอง (ปกติเวลาโดนวิญญาณจับก็กดรัวๆ 555) แน่นอนว่าเราจะไม่สามารถหลบวิญญาณได้ ถ้าเรายังไม่ได้เก็บฟังก์ชั่นตัวนี้มา

           ในภาคนี้จะเป็นจุดกำเนิดอะไรหลายๆ อย่างใน Fatal Frame อย่างเช่น ระบบเลนส์ ช็อทคอมโบในตำนานอย่าง Fatal Frame Shot หรือแม้แต่ฟิล์มที่แรงที่สุดอย่างฟิล์ม Type-Zero (ฟิล์มทอง)ที่ในภาค 1 นั้นฟิล์มทองจะเป็น ฟิล์ม Type-90 แต่ภาคนี้เขาเปลี่ยนฟิล์ม Type-90 ให้เป็นฟิล์มแดงแทนฟิล์ม Type-74 ในภาคแรกที่ถูกลบทิ้งไป



กล้อง Obscura

 



       

          กล้องตัวนี้เป็นกล้องตัวที่ 2 ของซีรี่ย์ ซึ่งกล้องตัวนี้เราจะได้มาใน Chapter แรกที่เล่นเลย นอกจากนี้แล้วยังมีอีกตัวหนึ่ง(ตัวทางขวา) ซึ่งตัวนี้เป็นกล้องตัวที่ 3 ของซีรี่ย์และเป็นกล้องของโหมด First Person ใน Xbox ในโหมดนั้นจะใช้กล้องตัวใหม่นี้มาแทนกล้องตัวเดิม แต่เท่าที่ผมดูๆแล้ว ไม่น่าจะต่างอะไรจากกล้องตัวปกติ เว้นแต่รูปร่างและ Viewfinder ภายใน ที่แตกต่างออกไป (เนื่องจากผมไม่มี XBOX จึงไม่สามารถหาภาพมาให้ดูได้ แต่ลองไปหาดูใน Youtube ได้ครับ) ส่วนประวัติของกล้องไปอ่านในบทความเนื้อเรื่องเอานะครับ

         ระบบของกล้องในภาคนี้แตกต่างจากภาคแรกอย่างสิ้นเชิง เอาจริงๆ คือมันแตกต่างจากทุกภาคเลย (ยกเว้นภาค 5 เพราะนั่นก็ต่างออกไปอีก) โดยปกติกล้อง Fatal Frame นั้น เวลาชาร์จกล้อง จะชาร์จเกจพลังจากอักขระตัวแรกไปยังอักขระตัวสุดท้าย แต่ในภาค 2 นั้นความมากความน้อยของเกจอักขระ จะขึ้นอยู่กับระยะห่างของเรากับผีตัวที่เราเล็งอยู่ ยิ่งเราอยู่ใกล้ เกจก็จะยิ่งเยอะ ยิ่งเราอยู่ไกล เกจก็จะยิ่งน้อย ยิ่งเราอยู่ไกลมาก ต่อให้วงกลมมันล็อคหัววิญญาณยังไงเกจก็จะไม่ขึ้นอยู่ดี ซึ่งเป็นการบังคับให้เราเข้าไปประจันหน้าใกล้ๆ วิญญาณนั่นเอง แล้วใช่ว่ากล้องตัวนี้จะสามารถจับวิญญาณได้ตลอด บางครั้งการเล็งไปหาวิญญาณ อาจจะทำให้เกจไม่ขึ้น เพราะว่ามันก็มีช่วงเวลาของมันเช่นกัน ดังนั้นเวลาถ่ายวิญญาณก็จำท่าทางของวิญญาณด้วย ว่าตอนไหนถ่ายได้ ถ่ายไม่ได้ ตอนไหนเป็นจังหวะ Zero Shot ส่วนด้านการเปลี่ยนฟิล์ม ในภาค 2 นี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนฟิล์มได้ที่หน้า ViewFinder ยังต้องไปเปลี่ยนที่หน้า menu เหมือนภาคแรกอยู่




โหมด ViewFinder ของกล้อง


โหมด ViewFinder ธรรมดา


โหมด ViewFinder เมื่อเกิด Fatal Frame

         

       ด้านซ้ายบนสุดคือพลังชีวิตของวิญญาณ ส่วนตรงกลางบน คือ Filament ที่จะสว่างขึ้นเมื่อหันหน้าไปหาวิญญาณ ทางขวาบนสุดคือฟิล์มที่ใช้และจำนวน ตรงใต้ Filament ถ้าเกิดจังหวะ Fatal Frameจะมีไฟสีแดงกระพริบๆ คอยเตือนด้วย แต่ต้องได้ฟังก์ชั่นมาก่อนนะ ถึงจะมีไฟ

       ถัดมาตรงกลาง จะเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งวงกลมนี้เรียกว่า Capture Circle เกจชาร์จพลังของภาคนี้จะไม่เต็มวงกลม แต่จะมีขนาดแค่ 2 ส่วน 3 ของ Capture Circle เท่านั้น ลักษณะของเกจจะมีสีเหลืองเมื่อจับวิญญาณได้ และมีสีแดงเมื่อเกิดโอกาส Zero Shot เส้นโค้งที่ขนาบข้าง Capture Circle จะมีขึ้น ถ้าสามารถใช้เลนส์ได้และเปลี่ยนสีตามเลนส์ที่ใช้อยู่

        ถัดมาด้านล่าง ด้านล่างซ้าย จะมีเลนส์ที่เราติดตั้งไว้ และจะมีถึง 3 เลนส์ถ้าเราใส่ฟังชั่นก์ ข้างๆเลนส์ จะมีลูกแก้ว Spirit  Power ถ้ามีออัพเกรดจนสุด จะมีถึง 4 ลูกด้วยกัน ส่วนทางขวาสุดจะเป็นหลอดพลังชีวิตเรา





เลนส์และฟังก์ชั่น
ดูรายชื่อเลนส์และฟังก์ชั่นของ Fatal Frame 2 ได้ที่นี่ ---> Click


        ภาคนี้ระบบ Auxiliary Function ได้ถูกเปลี่ยนเป็นระบบเลนส์และมีเยอะมากขึ้น ซึ่งมันทำให้เกมเพลย์มีอะไรหลากหลายมากขึ้น เลนส์พวกนี้จะถูกใช้ควบคู่ไปกับฟังก์ชั่น และทำให้เกมดูง่ายขึ้น เลนส์หลายเลนส์สามารถเก็บได้ตามเนื้อเรื่อง แต่บางชิ้นก็อาจจะต้องปลดล็อคเงื่อนไขนิดหน่อย ในภาคนี้ถึง แม้เราจะกดใช้เลนส์พลาดก็ตาม มันจะไม่เสียลูกแก้วฟรีเหมือนภาคหลังๆ



การอัพเกรด

            สำหรับผมแล้ว ภาคนี้เป็นภาคที่อัพเกรดกล้องง่ายที่สุด เพราะในภาคสองมีการต่อสู้กับวิญญาณที่เป็นกลุ่มเยอะมาก ทำให้เราได้พ้อยที่มาจากการสู้กับวิญญาณนั้นมากล้นเลยทีเดียว (ขนาดผีแค่ตัวเดียว ถ้าถ่ายช็อทดีๆ ก็ยังได้เยอะเลย)มีมากขนาดที่คุณสามารถอัพกล้องเต็มเลนส์เต็มได้ในรอบแรกที่เล่น แล้วพ้อยก็ยังไม่หมดอะคิดดู เพราะแบบนั้นในภาคนี้จึงมีระบบการอัพเกรดที่แตกต่างออกไปจากภาคอื่น  

           การอัพเกรดในภาคนี้ ผมขอเรียกมันว่าการยัดช่องละกัน ในเกมจะมีไอเทมชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า Spirit Orb (วิญญาณอัดเม็ด เอ้ย! ลูกแก้ววิญญาณ) โดยไอเทมชิ้นนี้จะถูกใช้ในการยัดช่อง หนึ่งลูกต่อหนึ่งช่อง โดยคุณสมบัติและเลนส์ทั้งหมด แต่ละอันจะมีช่องทั้งหมด 3 ช่อง พูดง่ายๆคือเราต้องใช้ลูกแก้วถึงสามลูก ถึงจะอัพเต็มอันใดอันหนึ่ง ซึ่ง Spirit Orb พวกนี้จะหาได้จากตามทางหรือดรอปจากวิญญาณ เมื่อเราได้มาเราสามารถเลือกที่จะยัดรอไว้ก่อนก็ได้ หรือจะรอไว้ ค่อยยัดพร้อมอัพก็ได้เหมือนกัน ด้วยระบบนี้ถึงเราจะมีพ้อยท์มากมายแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีลูกแก้วมายัดช่อง เราก็อัพกล้องไม่ได้อยู่ดี แต่เชื่อเถอะ ถ้าคุณเป็นนักสู้ นักสำรวจ เน้นกล้องยังไงคุณก็อัพกล้องเต็มได้ในรอบแรกที่เล่น




คุณสมบัติของกล้องภาคนี้ มี 3 อย่าง

Range ช่วยขยาย Capture Circle เมื่ออัพเกรด


Lv0>>Lv1 cost: 6000 pts


Lv1>>Lv2 cost: 20000 pts


Lv2>>Lv3 cost: 30000 pts


Accumulation เพิ่มจำนวน Sprit Power


Lv0>>Lv1 cost: 4000 pts จำนวนลูกแก้ว Sprit Power จาก 1 > 2


Lv1>>Lv2 cost: 10000 pts จำนวนลูกแก้ว Sprit Power จาก 2 > 3


Lv2>>Lv3 cost: 21000 pts จำนวนลูกแก้ว Sprit Power จาก 3 > 4


Sensitivity ความรุนแรงและระยะในการถ่าย


Lv0>>Lv1 cost: 7000 pts


Lv1>>Lv2 cost: 24000 pts


Lv2>>Lv3 cost: 38000 pts





Shot ต่างๆ ใน Fatal Frame 2 Crimson Butterfly

1. Close Shot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณในระยะที่ใกล้มาก

2. Zero Shot
ได้มาจากการถ่ายภาพวิญญาณ ในช่วงเวลา Zero Shot โดย Capture Circle มีปฏิกิริยาเปล่งแสงสีแดง

3. Core Shot
ได้มาเมื่อสัญลักษณ์ไขว้ตรงกลาง อยู่ในขอบวงกลมที่ล็อคไปที่หน้าวิญญาณ


4. Double Shot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณพร้อมกันสองตัว


5. Double Kill
ได้มาจากการปราบวิญญาณพร้อมกันสองตัว


6. Triple Shot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณพร้อมกันสามตัว


7. Triple Kill
ได้มาจากการปราบวิญญาณพร้อมกันสามตัว


8. Fatal Frame Shot
ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ ในจังหวะ Fatal Frame


9. 2 Hit Combo Shot
ได้มาเมื่อถ่ายติด Fatal Frame เป็นคอมโบจังหวะที่ 2


10. 3 Hit Combo Shot
ได้มาเมื่อถ่ายติด Fatal Frame เป็นคอมโบจังหวะที่ 3


11. Special Shot
ถ่ายวิญญาณโดยใช้พลังของเลนส์


12. Just Kill
ทำดาเมจใส่วิญญาณจนตาย โดยที่ดาเมจมีค่ามากกว่าพลังชีวิตของวิญญาณเล็กน้อย




ทริคเล็กๆน้อยๆ


         - ในภาคนี้มีทริคอยู่อย่างหนึ่ง ผมขอเรียกทริคนี้ว่าทริครีเกจ ซึ่งปกติเวลาเราใช้เลนส์ แถบลูกแก้ว Spirit Power ของกล้องจะหายไปขึ้นอยู่กับเลนส์ว่าเลนส์นั้นใช้กี่ลูก แต่ด้วยทริคนี้จะสามารถรีเกจให้ Spirit Power นั้นกลับมาได้เต็มอีกครั้งถึงแม้จะใช้เลนส์ไปแล้ว (ใช้ได้เฉพาะกับเลนส์ประเภท Boost Damage อย่าง Blast , Zero , หรือ Crush เท่านั้น) วิธีของทริคนี้คือ เมื่อคุณถ่ายช็อท Fatal Frame ได้ ในคอมโบสุดท้ายให้คุณใช้เลนส์ Boost Damage ไปด้วย เมื่อใช้เสร็จให้รีบเก็บกล้องออกจากโหมด Viewfinder ในทันที แล้วรอเวลาสักพัก เมื่อยกกล้องขึ้นมาดูใหม่ก็จะพบว่าเกจก็จะรีกลับมาเต็มเหมือนเดิม (ให้กะเวลาเอา เพราะว่าถ้าเรารีบยกขึ้นมาเร็วไป เกจพลังจะหยุดรีทันทีเลย)



         - วิธีสู้กับซาเอะในเวอร์ชั่น Ps2 ระดับ Hard นั้นง่ายมาก เพราะนางจะโจมตีเราทีเดียวไม่ตาย วิธีสู้แค่เดินเข้าไปในหมอกสีแดงของนางประมาน 5 ถึง 6 ครั้ง พอครบแล้ว นางจะเดินมาไล่บีบคอเรา เราก็หลบให้ได้ 3 รอบ ซึ่งหลบง่ายมากเพราะนางเดินช้า พอครบ 3 รอบ นางจะยืนอยู่เฉยๆ แล้วหมอกสีแดงรอบๆ ตัวนางจะหายไป จังหวะนั้น ให้ยกกล้องไปที่นาง จะมีจังหวะ Zero Shot เกิดขึ้น แต่แนะนำอย่ารีบถ่ายจังหวะ Zero Shot ให้รอสักพักจะมีจังหวะ Fatal Frame เกิดขึ้น แล้วก็จัดการถ่ายเธอซะ จำไว้ว่าตราบใดที่หมอกสีแดงของเธอยังอยู่ กล้องจะไม่สามารถจับซาเอะได้ ยกเว้นตอนที่นางมาวิ่งไล่เรา)


        - เลนส์สุดยอดในภาคสองนั้น คือเลนส์ Serial เป็นเลนส์ที่ใช้ทำดาเมจใส่วิญญาณได้เลยโดยไม่ต้องรอฟิล์มรีโหลด และใช้ได้ผลที่สุดเมื่อใช้ในการถ่ายช็อทธรรมดา(Capture Circle สีเหลือง) ถ้าอยากรู้ว่าแรงแค่ไหน มันแรงมากเมื่อใช้คู่กับฟิล์ม Type-Zero เพราะซาเอะโดนแค่ 4 ช็อทยังถึงกับต้องกลับนรก วิธีสู้กับซาเอะโดยใช้เลนส์นี้เหมือนกับวิธีด้านบนเลย แต่จะลัดขั้นตอนหน่อย ตรงที่ตอนนางเดินไล่จับเรา กล้องจะจับนางได้ โดยที่ Capture Circle จะเป็นสีเหลือง ซึ่งตรงตามคุณสมบัติของเลนส์ Serial พอดี ในจังหวะนั้นเราก็แค่เดินถอยหลังแล้วสาด Serial เลนส์ใส่นางให้ครบ 4 ครั้ง ก็พอ  


        - ขึ้นชื่อว่า Fatal Frame มันต้องมีการเดินขึ้นบันไดแบบเหนือธรรมชาติ ฮ่าๆๆๆ (แต่ผมบอกไว้ก่อนว่าภาคที่ทำแบบนั้นได้ คือ 2 ,3 ,4 และ 2 รีเมคเท่านั้น และแต่ละภาคมันมีวิธีทำไม่เหมือนกัน ยกเว้น 2 กับ 2 รีเมคที่เหมือนกัน) เอาจริงๆ ผมอธิบายอาจจะไม่เห็นภาพ แต่ผมอยากบอก คือวิธีนี้มันมีเอาไว้เพื่อให้คุณเดินขึ้นบันไดเร็วๆ ถ้าคุณเคยลองกดปุ่มวิ่งรัวๆ หรือดู Youtube พวก Speed Run คุณอาจจะเคยเห็นมิโอะวิ่งท่าแปลกๆ วิ่งด้วย Animation เฟรมเดียว จนบางทีอาจจะทำให้เราหลุดขำก๊ากได้ 5555 นั่นคือการ Cancel Animation โดยปกติมันจะมี Animation การวิ่งสองแบบ คือวิ่งบนพื้นและวิ่งขึ้นบันได ซึงไอวิ่งขึ้นบันไดเนี่ย มันช้ากว่าวิ่งบนพื้น เพราะงั้นใครที่อยากขึ้นบันไดเร็วๆๆ เพื่อจบ Rank SS ล่ะก็ควรรู้ไว้ วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย แต่ต้องฝึกนิดหน่อย โดยวิธีดังกล่าวนั้นก็อย่างที่บอกไป กดปุ่มวิ่งรัวๆ คำถามคือเราควรเริ่มกดตอนไหนให้ใช้ได้ผล? ถ้าตอบว่าตอนขึ้นบันไดล่ะก็คิดผิดแล้ว ต้องตอนก่อนขึ้นบันไดนิดนึง เพราะว่าตอนก่อนขึ้นบันได Animation การวิ่งของมิโอะยังเป็นการวิ่งบนพื้น ซึ่งมันเร็วกว่าอยู่แล้ว เมื่อเรากดติด Animation การวิ่งขึ้นบันไดของมิโอะ จะถูกแทนด้วย Animation วิ่งบนพื้น ซึ่งเราต้องกดรัวๆ ตลอดระหว่างวิ่งขึ้นบันได กดรัวๆ ไปจนกว่าจะถึงด้านบนเลย อย่าหยุดกด หรือเสียจังหวะ เพราะถ้าคุณหลุดเมื่อไหร่ มันจะเข้า สู่ Animation การวิ่งขึ้นบันไดทันที ซึ่งต่อให้คุณกดใหม่ระหว่างทางมันก็วิ่งช้าเสียแล้ว แล้วก็ตอนลงก็ใช้วิธีนี้ได้ด้วยเช่นกันนะ เราสามารถดูได้ว่าติดหรือไม่ติดจากความเร็ว ถ้ามิโอะวิ่งเร็วกว่าปกติ ยินดีด้วยคุณทำได้ แต่ถ้าช้าเหมือนวิ่งขึ้นบันไดปกติ แสดงว่าคุณเริ่มกดช้าเกินไป เพราะมิโอะเข้าสู่ Animation การวิ่งขึ้นบันไดไปเสียก่อน (ผมแนะนำสถานที่ฝึกบ้านโอซากะ เพราะปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสนามเด็กเล่นของเหล่าเด็กเลย) ปล.อย่าเอาไปลองขึ้นบันไดแบบนี้ในชีวิตจริง ไม่งั้นหัวคุณอาจจะปักพื้นได้





      นี่เป็น Best Rank ของผมในภาค Ps2   แน่นอนว่าเหมือนเดิม ผมไม่มี Card Capture เลยใช้กล้องกากๆ ของผมถ่ายเอา แต่พอดูดีๆแล้ว ภาค 2 ที่รีเมคบน Wii ผมก็จบด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 51 นาทีเช่นกัน ฮ่าๆๆ ผมนี่ยังคงรักษามาตรฐานไว้เท่าเดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ข้างล่างนะ :)

2 ความคิดเห็น:

  1. อยู่ดีๆก็คิดถึงเกมนี้เลยเสริจหาข้อมูลจนมาเจอบล็อกนี้จนได้ 555 เป็นเกมบน Ps2 ที่ผมเลที่ผมเล่นไม่ตบเพราะเเผ่นพัง (เสียดายย) ซึ่งในความน่ากลัวผมยกเกมนี้กับ Siren ว่าพอๆกันเลย แต่ไซเรนมันจะเน้นไปที่ความกดดันในการหาทางออกมากกว่าบรรยากาศ ได้แต่หวังว่า ซีรีย์นี่จะรีเมค รีมาสเตอร์ หรืออะไรก็หรืออะไรก็ได้ลงแพรตฟอร์มปัจจุบันสักเครื่องจะดีใจมาก (เห็นว่าลิขสิทธิ์อยู่กับปู่นินงั้น นินสวิตน่าตะหวังได้สุด)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ พูดถึงไซเรน เขาว่ากันว่ากดดันมากก ซึ่งไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่ ผมไม่กล้าหามาเล่น 5555 แต่สำหรับ Fatal Frame เกมนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งในเกมผีไม่กี่เกมที่ผมเล่นได้ ขายบรรยากาศ ขายตัวละคร เนื้อเรื่องดีๆ บรรยากาศ + ซาวด์ประกอบชวนระแวงสุดๆ ให้ความรู้สึกแบบว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย แต่ที่เล่นได้เพราะมันไม่กดดันเท่าไซเรน

      ลบ