วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Fatal Frame – Camera Obscura Gameplay & Bonus Function & Special Function


กล้อง Obscura ใน Fatal Frame 1

             ก่อนเข้าเรื่อง ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าบทความนี้เป็นการเขียนใหม่เกือบทั้งหมด เนื่องจากบทความนี้เป็นบทความ Gamplay แรกที่ผมเขียน แล้วรู้สึกว่ามันจะเก่าไปแล้วถ้าเทียบกับของภาคอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะหลงเหลือบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ เนื่องจากมันเป็น First Impression ของผม ใช่แล้วครับตอนผมเขียนบทความนี้ ผมเล่นภาคนี้แค่ครั้งเดียว และผมมักจะไปบอกใครต่อหลายคนว่าผมจะไม่กลับมาเล่นภาคนี้อีก เพราะมันยากและน่ากลัวมาก แต่ถึงอย่างนั้นปัจจุบันนี้ผมก็เคลียภาคนี้จบ 100 เปอร์เซ็นปลดทุกอย่างแล้ว เพราะว่าชีวิตช่วงนั้นมันไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นเลย (เหตุผลที่กลับมาเล่นก็มีแค่นี้แหละครับ) แต่ถึงแม้ผมจะเคลียปลดทุกอย่างแล้ว ผมก็ยังยืนกรานนะว่าภาคนี้เป็นภาคที่ยากที่สุดในซีรี่ย์ Fatal Frame


ระบบการเล่น

          Fatal Frame 1 เป็นเกมลำดับแรกของซีรี่ย์ ที่มีรูปแบบการใช้กล้องแตกต่างจากภาคหลังๆเป็นอย่างมาก อย่างใน Fatal Frame ภาค 3 ขึ้นไป ผู้เล่นจะต้องชาร์จพลังจนเต็ม หรือรอจังหวะพิเศษ เช่น จังหวะ Shutter Chance เพื่อทำดาเมจอันรุนแรงใส่วิญญาณในการถ่ายครั้งเดียวและให้วิญญาณกระเด็นถอยหลังไป เพราะถ้าพลาดก็อาจจะถูกวิญญาณโจมตีได้ เนื่องจากกล้องจะต้องใช้เวลารีโหลดฟิล์ม ซึ่งแต่ละฟิล์มจะรีโหลดนานไม่เท่ากัน


           แต่ในภาคหนึ่งนั้น กล้องจะรีโหลดฟิล์มไวมากทุกฟิล์ม ผู้เล่นจึงไม่จำเป็นต้องชาร์จพลังให้เต็มก็สามารถถ่ายวิญญาณเพื่อทำดาเมจได้ โดยไม่ต้องกลัวถูกวิญญาณโจมตี จึงทำให้ภาคแรก เป็นภาคที่สามารถถ่ายได้รัวกว่าภาคอื่น และทำดาเมจได้รวดเร็วเพื่อตอดเลือดของวิญญาณให้ลดลงเรื่อยๆได้ (เพราะเป็นแบบนี้จึงทำให้วิญญาณในภาคหนึ่งเคลื่อนไหวเร็วและมองตัวยาก)


            แต่ใจเย็นๆนะ ไม่ใช่อ่านปุ๊บแล้วไปกดถ่ายผีรัวๆ เป็นปืนกลนะ ควรรอให้กล้องโฟกัสด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวฟิล์มหมดแล้วจะโดนผีตบลงไปนอนเอา(ถึงมันจะเติมที่จุดเซฟได้ก็เถอะ) อีกทั้งการถ่าย Shot แบบปกตินั้นไม่สามารถทำให้วิญญาณกระเด็นได้ มันแค่ช่วยหยุดวิญญาณได้แค่วินาทีเดียวเท่านั้น วิญญาณก็จะกลับมาเคลื่อนที่ได้อีกครั้งโดยไม่ไปตั้งหลักใหม่ เผลอๆ บางครั้งคุณดันไปถ่าย Shot ปกติ ในช่วงที่วิญญาณกำลังจะเตรียมพุ่งมาหาคุณ พอวิญญาณกลับมาเคลื่อนไหวได้ปกติ ช่วงที่กล้องกำลังรีโหลดฟิล์ม(ด้วยเวลาอันรวดเร็ว)และจะโฟกัสนั่นแหละ คุณจะโดนวิญญาณพุ่งมาโจมตีเสียเอง ระวังไว้ด้วยล่ะ


            เนื่องจากการที่มันเป็นการถ่ายรัวๆ จึงทำให้ดาเมจที่ออกมานั้นน้อย เพราะว่ากล้องจะชาร์จเกจอักขระไม่เยอะ ผมจึงขอแนะนำว่าการถ่ายแบบนี้ควรใช้ในเวลาที่เจอวิญญาณที่เคลื่อนที่รวดเร็วหรือเข้ามาใกล้จนเกินไป เพื่อใช้หยุดการเคลื่อนที่ของวิญญาณและให้เราถอยมาตั้งหลักได้ ควรใช้สัก 1 ถึง 2 ช็อท หรือจะ 3 ช็อทก็ได้ เผื่อมือลั่น ที่เหลือเราก็แค่รอจังหวะดีๆ ถ่าย Zero Shot ให้ได้ก็เพียงพอ


           ทำไมถึงต้องรอ Zero Shot ไม่ใช่ Fatal Frame Shot? นั่นก็เพราะ Fatal Frame ภาคแรก ไม่มี Fatal Frame Shot ซึ่งเป็น Combo ในตำนานของหลายๆ ภาค ดังนั้น Shot ที่แรงที่สุดในภาคแรกนั่นก็คือ Zero Shot ซึ่งต้องรอจังหวะที่วิญญาณจะโจมตีหรือพุ่งเข้ามาหาคุณ แล้ว Capture Circle จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ซึ่ง Shot นี้สามารถทำดาเมจเพิ่มเติมและทำให้วิญญาณกระเด็นไปได้


จังหวะ Zero Shot


           ทางด้านวิญญาณ วิญญาณในภาคนี้จะเร็วมาก ถ้าเทียบกับภาค 2 ทั้งการเคลื่อนไหวลอยไปลอยมาของวิญญาณ โมชั่นการส่ายไปส่ายมาของวิญญาณ รวมทั้งการโจมตีการพุ่งเข้ามาของวิญญาณ ซึ่งมันพุ่งเร็วกว่าการยกกล้องของมิกุอีก! ทำให้คนที่เล่นภาค 2 มาก่อนบางคน อาจจะไม่ชินกับความเร็วแบบนี้ และต้องปรับตัวกันไม่ทันสักเท่าไหร่ ส่วนรูปร่างวิญญาณในภาคแรกนั้น มันเหมือนวิญญาณจริงๆ ในภาคใหม่ๆ วิญญาณมักจะมีลักษณะที่ชัดเจน แต่ในภาค 1 นั้น จะมองยากมาก เหมือนวิญญาณตัวนั้นล่องหน จนเราสามารถมองทะลุวิญญาณไปเห็นวัตถุด้านหลังได้ ถ้าไม่มีควันหรืออากาศที่ดูบิดเบี้ยวล่ะก็ เราอาจจะมองไม่เห็นเลย ฮา และที่สำคัญ เมื่อเราเล่นระดับที่ยากขึ้นไป Filament ที่มีไว้ใช้บอกวิญญาณจะบอกตำแหน่งวิญญาณยากขึ้น หรือไม่บอกเลย!


            คำเตือนอีกอย่างก็คือ ถ้าอยู่ดีๆ วิญญาณหายออกไปจากเฟรมกล้องเราล่ะก็ให้คิดไว้เลยว่ามันต้องอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอน ซึ่งเราสามารถหันหลังกลับได้ทันที 180 องศา โดยการกดปุ่มสามเหลี่ยม เท่านี้เราก็จะเจอวิญญาณตัวนั้นระยะเผาขน ฮ่าๆๆๆ (แต่อย่าเอาไปใช้กับคิริเอะนะ นางหลอกเรา ถึงนางจะหายจากเฟรมไปแต่จริงๆ แล้วนางก็อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก แค่หายตัวไปเฉยๆ) ในภาคนี้ถ้าเราโดนผีจับเราสามารถผลักผีให้ถอยไปก่อนที่มันจะมาทำดาเมจเราได้โดยการกดปุ่มถ่ายรูปให้ตรงจังหวะ แต่ผมบอกเลยว่ายากมากๆ เพราะฉะนั้นล่ะก็หลังคืนสามเป็นต้นไป จะต้องระวังตัวให้ดีๆ เพราะผีโหดๆ ออกมาเยอะมาก


             ในภาคนี้เวลาเราปราบวิญญาณได้ จะมีอนิเมชั่นการตายของวิญญาณ โดยที่วิญญาณตัวนั้นจะแปรสภาพกลายเป็นดวงวิญญาณลูกไฟก้อนกลมๆ ถ้าวิญญาณตัวไหนกลายเป็นลูกไฟแล้วเข้ามาในกล้องเรา นั่นแสดงว่าเราปิดผนึกวิญญาณตัวนั้นได้ถาวร และเราจะไม่เจอวิญญาณตัวนั้นอีกถาวร แต่ถ้าวิญญาณตนไหนที่กลายเป็นลูกไฟแล้วแตกออกเป็นเสี่ยง นั่นหมายความว่าคุณยังมีสิทธิ์เจอวิญญาณตนนั้นได้ตลอดทั้งเกมตราบใดที่คุณยังเดินวนเวียนอยู่ในนั้น


               ทางด้านไอเทม ไอเทมส่วนใหญ่อย่างเช่นสมุนไพรหรือ Spirit Orb จะรีฟิลทุกๆคืน ถ้าเราจำได้ว่าแต่ละไอเทมมันอยู่ตรงไหนล่ะก็ เราก็สามารถกลับไปเก็บได้ แต่ผมบอกเลยตอนผมเล่นรอบแรกของนี่ของไม่พอใช้มาก(ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า เทียบกับภาคอื่นแล้วรู้สึกว่าไอเทมภาคนี้มันน้อยกว่า) เพราะผมไม่ค่อยชินกับภาคนี้สักเท่าไหร่ ทำให้โดนผีจับและเสียยาบ่อย แล้วฟิล์มที่ผมใช้ต่อกรกับพวกมัน ก็ใช้สิ้นเปลืองมากตอนเจอตัวเก่งๆ ใช้ซะจนฟิล์ม 14 กับ 37 เกือบหมดแน่ะ โชคยังดีที่จุดเซฟมีให้กดรีฟิลฟิล์ม 14 ได้ ถ้าฟิล์ม 14 ที่เรามีต่ำกว่า 30 แผ่น ไม่งั้นนี่ผมคงเล่นไม่จบจริงๆ พูดเลยว่าตอนเล่นภาคแรก มันให้มาเท่าไหร่ ผมใช้คุ้มเท่านั้นเลย (TwT) แต่พอเล่นรอบ 2 ของจะเริ่มเหลือเฟือเพราะเราจะชินกับระบบการเล่นแล้วและแน่นอนว่ากล้องของเราแรงขึ้น สามารถทำให้เราใช้ฟิล์มเขียวได้มากพอ โดยที่ไม่ต้องง้อฟิล์ม 14 เลย

หน้าจอ Finder Mode


หน้าจอ Finder โหมด ของ Fatal Frame 1(Ps2)

หน้าจอ Finder โหมด ของ Fatal Frame 1(XBOX)




Upgrade

          ในภาคแรก การอัพเกรดกล้องจะต้องจะใช้พ้อยท์ที่ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ ซึ่งกล้อง Obscura ในภาคนี้ จะมีคุณสมบัติให้อัพเกรดได้ 3 อย่าง
  







- - Range (Max Level : 4)
ขยายวง Capture Circle ให้ใหญ่ขึ้น

Lv1 >> Lv2: 4000 points

Lv2 >> Lv3: 12000 points

Lv3 >> LvMax: 24000 points




- - Speed (Max Level : 4)

ชาร์จเกจพลังเร็วขึ้น

Lv1 >> Lv2: 2000 points

Lv2 >> Lv3: 6000 points

Lv3 >> LvMax: 12000 points




- - Max Value (Max Level : 4)

เพิ่มจำนวนเกจชาร์จพลังสูงสุด

Lv1 >> Lv2: 6000 points

Lv2 >> Lv3: 18000 points

Lv3 >> LvMax: 36000 points
             

Function

     ในภาคแรกนั้นจะไม่มีเลนส์ มีแค่ฟังชั่นก์เท่านั้น สามารถใช้ฟังชั่นก์ได้โดยการกดปุ่ม L1 (ตั้งค่าดั้งเดิมบน PS2)ซึ่งการใช้ฟังชั่นก์ 1 ครั้งจะต้องเสีย Spirit Stone 1 ก้อน


  

ศิลาวิญญาณ (Spirit Stone)

ใน Fatal Frame ภาคแรก จะมีฟังชันก์อยู่ 2 ประเภท คือ Auxiliary Function และ Special Function



Auxiliary Function/Bonus Function

     เป็นฟังชั่นก์ที่ปลดล็อคได้ด้วยการอัพเกรดโดยใช้พ้อยท์ที่ได้มาจากการถ่ายวิญญาณ เหมือนอัพเกรดกล้องทั่วไป ซึ่งสามารถปลดล็อคได้ระหว่างเล่นเกม แต่เราจำเป็นต้องมี Sprit Stone หนึ่งก้อนในการใช้ฟังชั่นก์นี้ 1 ครั้ง

圧 Pressure – ผลักวิญญาณออกไปด้านหลัง ราคา 16,000 points


遅 Slow – ทำให้การเคลื่อนไหวของวิญญาณช้าลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ราคา 18,000 points


視 See – ช่วยให้เห็นวิญญาณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ราคา 12,000 points


痺 Paralyze – หยุดการเคลื่อนไหวของวิญญาณชั่วระยะเวลาหนึ่ง ราคา 20,000 points


探 Search – ค้นหาตำแหน่งของวิญญาณและล็อคเป้าไปหาวิญญาณโดยอัตโนมัติ ราคา 14,000 points



Special Function

เป็นฟังชั่นก์พิเศษที่จะปลดล็อคให้ซื้อ หลังจากที่บรรลุเงื่อนไขที่กำหนดไว้


感 Sense – มีลูกศรชี้ตำแหน่งวิญญาณ(คล้ายๆ Filament ในภาคบนเครื่อง Wii)

เงื่อนไข: เคลีย Battle Mode ทั้งหมด

ราคา 42,000 points


追 Chase – ล็อคเป้าวิญญาณเมื่อกด R2 ค้าง (คล้ายๆระบบ Lock-on แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหน มันก็จะหันไปล็อควิญญาณให้เอง)

เงื่อนไข: เคลีย Battle Mode ทั้งหมดด้วยแรงค์ S

ราคา 64,000 points


拡 Zoom – สามารถกด L2/R2 เพื่อซูมเข้าออกได้

เงื่่อนไข: จบเกมหนึ่งรอบ

ราคา 80,000 points


無 None – ฟิล์มไม่จำกัด

เงื่อนไข : เคลียความยากระดับ Nightmare ได้ภายใน 4 ชั่วโมง

ราคา 74,000 points


零 Zero – เกจพลังกล้องจะเต็มตลอดเวลา

เงื่อนไข:
หลังจากถ่ายภาพ Spirit List ครบ

ราคา 96,000 points


**ทั้งนี้เราสามารถสวมใส่ Bonus Function และ Special Function ได้อย่างละอันเท่านั้น ไม่เหมือนกับภาคอื่นที่ใส่ฟังชั่นก์ได้ทุกฟังชั่นก์



Shot ต่างๆ ใน Fatal Frame

Close Shot
- ได้จากการถ่ายวิญญาณในระยะที่ใกล้มาก

Core Shot
- ได้จากการถ่ายวิญญาณโดยที่สัญลักษณ์ไขว้ตรงกลาง อยู่ในวงกลมที่ล็อคหัวของวิญญาณ

Zero Shot
- ได้จากการถ่ายวิญญาณในจังหวะ Zero Shot (Capture Circle เป็นสีเหลือง)

Double Shot
- ได้จากการถ่ายวิญญาณ 2 ตัว

Triple Shot
- ได้จากการถ่ายวิญญาณ 3 ตัว

Special Shot
- ได้จากการปราบวิญญาณด้วยช็อทพิเศษต่างๆ

Bind Shot
- ได้จากการปราบวิญญาณด้วยการใช้ Auxiliary Function Paralyze 痺

Find Shot
- ได้จากการปราบวิญญาณด้วยการใช้ Auxiliary Function See 視

Slow Shot
- ได้จากการปราบวิญญาณด้วยการใช้ Auxiliary Function Slow 遅

Impact Shot
- ได้จากการปราบวิญญาณด้วยการใช้ Auxiliary Function Pressure 圧


วิธีการเตรียมของเคลีย Nightmare
   
         ในที่สุดบทความนี้ก็ได้มีหัวข้อนี้สักที อย่างที่ผมบอกไปว่า Fatal Frame ภาคแรกนั้นยากที่สุดในบรรดาเกมในซีรี่ย์ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยากที่สุดแค่ครั้งแรก พอถึงครั้งที่สอง ความยากก็จะลดลงมาเนื่องจากความแข็งแกร่งขึ้นของกล้องและเรานั่นเอง ซึ่งในภาคนี้ระดับความยากจะมีแค่ Normal กับ Nightmare เท่านั้น ไม่มี Easy หรือ Hard ดังนั้นการที่เราจะปลดล็อคระดับ Nightmare มาได้ เราจะต้องเล่น Mission Mode ให้หมดซะก่อน ซึ่งผมขอแนะนำเลยว่าให้มีฟังก์ชั่น Zero ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่โหดที่สุดในภาคนี้ มันมีความสามารถสุดโกงอย่างกล้องชาร์จเต็มตลอดแถมปลดล็อคง่ายอีกด้วย แค่ถ่ายรูป Spirit List ให้ครบแค่นั้นเอง ถ้าเรามีมันล่ะก็บางทีเราอาจจะเล่น Mission Mode จนได้ S หมดเลยก็ได้!


เอาล่ะก่อนที่จะเริ่ม ผมจะเขียน RoadMap to 100% ให้ดูก่อนนะ 


           New Game ---> New Game+ (Normal ถ่าย Spirit List ให้ครบ เอา Zero) ---> Mission Mode (เอาให้ได้ S จะได้) ----> เล่น Normal อีกรอบ (ตรงนี้ของผม มันบังคับให้ผมเล่น Normal อีกครั้ง เพื่อปลดล็อค Nightmare ซึ่ง Normal ครั้งนี้มันจะแตกต่างจากปกติตรงที่ Intro จากเริ่มที่ประตูหน้าบ้านไปเป็นประตูนรกด่านสุดท้ายแทน ถ้าเราสำรวจแท่นวางกระจก เราก็จะเริ่มคืนที่ 1 ได้) ----> Nightmare (ควรเล่นให้ได้ต่ำกว่า 2 ชม. เราจะได้คอสตูมมา 2 ชุด ในการเล่นรอบเดียว)


          หลังจากที่เราผ่านความยากลำบาก ทุลักทุเลจากการเล่นรอบแรกได้ ในรอบที่ 2 ให้เราเล่น Normal อีกรอบเพื่อถ่ายรูปวิญญาณต่างๆ ซึ่งผมแนะนำว่าให้เราใส่ ฟังก์ชั่น Paralyze ที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของวิญญาณได้ มันจะทำให้เกมง่ายขึ้นมาก เมื่อเราเล่นจนจบและได้ฟังก์ชั่น Zero มาแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือการเคลีย Mission Mode ให้ได้ แรงค์ S ซึ่งการที่เราจะได้ แรงค์ S นั้น เราต้องถ่ายวิญญาณโดยให้แต้มเกิน 7000 ขึ้นไป ซึ่งผมจะบอกวิธีว่าทำยังไง แต่จงจำไว้ว่าถึงจะรู้วิธีแต่มันก็ต้องใช้ความพยายามสักหน่อย และคุณต้องมีดวง วิธีก็คือให้คุณใส่ Zero และ Paralyze คู่กัน(ไม่ทับกันเนื่องจากเป็นฟังก์ชั่นคนละประเภท) เมื่อเริ่มมิชชั่นให้คุณทำแบบเดียวกันทุกครั้งนั่นคือถ่ายวิญญาณให้เหลือเลือดน้อยแบบที่ประมานว่าถ่ายอีกทีเดียวมันตายแน่นอน หรือถ้าเจอ 2 ตัว ก็ให้เป่าหัวตัวนึงให้ตายก่อน แล้วค่อยทำให้ตัวที่เหลือมีเลือดน้อยๆ



          เมื่อเลือดมันเหลือแค่นั้นแล้ว ให้เรารอจังหวะ Zero Shot โดยที่ Capture Circle ของเราจะเป็นสีส้ม หลังจากนั้นให้เรารีบกดใช้ Paralyze เพื่อแช่วิญญาณ และรีบเล็งพร้อมกับเดินเข้าไปให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้เครื่องหมาย + ตรงกลางอยู่ในวงกลมที่ล็อคหัววิญญาณแล้วถ่ายซะ ถ้าเราทำสำเร็จเราจะได้ Close Shot, Core Shot, Special Shot, Zero Shot โดยถ้าเราถ่ายได้ 4 ช็อทนี้ เราอาจจะมีโอกาสสูงที่จะได้พ้อยท์มากกว่า 7000 เมื่อรู้ทริคแล้ว ผมจึงขอแนะนำให้ลองเล่นทุกมิชชั่นอย่างละรอบก่อนเพื่อศึกษาท่าทางของวิญญาณ แล้วค่อยเอาจริง เพราะบางตัวก็ไม่ใช่จะเก็บ S ได้ง่ายๆ ถึงแม้จะมี Zero ก็ตาม



           เมื่อเราเคลียครบ 19 มิชชั่นเราจะมาถึง มิชชั่นสุดท้ายที่สำหรับผมแล้วเป็นมิชชั่นที่พึ่งดวงและเคลีย S ยากที่สุด ซึ่งผีประจำมิชชั่นนั้นก็คือ คิริเอะ ซึ่งนางจะได้รับความเสียหายก็ต่อเมื่อกล้องเราชาร์จเต็มเท่านั้น แต่ยังไงซะเรามีฟังก์ชัน Zero เรา ดังนั้นจึงตัดปัญหาการชาร์จกล้องไปได้ ต่อไปคือ Paralyze และฟังก์ชั่นก์ดีบัฟทั่วไปจะไม่มีประโยชน์กับคิริเอะ ดังนั้น Shot ที่เราควรเก็บในมิชชั่นนี้จะเหลือแค่ ได้ Close Shot, Core Shot, Zero Shot เท่านั้น และถึงแม้ว่าเราจะถ่ายได้ครบทั้ง 3 ช็อท ก็ใช่ว่าเราจะได้แต้มเกิน 7000 บางทีถ่ายครบไป ก็ได้แค่ 5000 กว่าๆ หรืออย่างน่าเสียดายที่สุดก็คือได้แต้มมาประมาณ 6977 เพราะเหตุผลนี้แหละผมถึงบอกว่ามันต้องเพิ่งดวง วิธีในการสู้ก็คือถ่ายยังก็ได้ให้คิริเอะเหลือเลือดพอที่จะทำให้เราถ่ายนางได้อีก 2 ครั้ง โดยการถ่ายครั้งที่ 1 คือการให้คิริเอะชะงัก ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เราจะเข้าไปประชิดตัวเธอให้ใกล้มากที่สุด ซึ่งตอนเข้าไปพยายามเปิดกล้องแล้งเล็งไปเหนือศรีษะของเธอด้วย เพราะนั่นเป็นตำแหน่ง Core Shot พอดี ซึ่งหลังจากที่เธอกลับมาตั้งหลักได้ เธอจะเข้ามาหาเรา ถ้าเราอยู่ใกล้เกินไป Capture Circle ของเราจะกลายเป็นสีฟ้า แล้วเราก็จะตาย แต่ถ้าเป็นสีส้มเราก็ถ่ายซะ และภาวนาให้ได้ Shot ครบ กับแต้มเกิน 7000 ซึ่งต้องอดทนหน่อย ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น!



            เมื่อเราเคลียจนหมด เราจะได้ฟังก์ชั่น Sense , Chase ทีนี้เราก็ไปเล่น โหมด Normal เพื่อตุนของและปลดล็อคความยาก Nightmare ผมแนะนำให้ตานี้เราควรหัดวิ่งแบบ Speed Run ไปด้วย เพราะในการเล่นโหมด Nightmare เราต้องพยายามเคลียเกมให้เร็วก่อน 2 ชั่วโมง



            เมื่อเราได้ของจนครบ ให้เราใส่ฟิล์มเขียว Zero และ Paralyze แล้วเข้าไปลุย Nightmare กันเลย!! ในโหมดนี้ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า Filament บอกตำแหน่งวิญญาณของเราแทบไม่มีประโยชน์เลย เพราะฉะนั้นการเล่นโหมด Nightmare เราต้องใช้สายตาอันเฉียบคมของเราสู้กับวิญญาณ จำไว้ว่าในการต่อสู้ ถ้าเรามองเห็นตัววิญญาณก่อน เท่ากับเราชนะ แต่ถ้าเรามองไม่เห็นมัน เราตาย! ความยากในการต่อสู้กับวิญญาณระดับ Nightmare มันไม่ยาก ถ้าเรามีฟังก์ชั่น Zero เพราะเราสามารถถ่ายได้รัวๆนั่นเอง ถ่ายปุ้บ รอกล้องโฟกัสแปปนึงแล้วถ่ายต่อ วิญญาณจะไม่สามารถหนีจากเราได้เลย เพราะฉะนั้นผมไม่มีอะไรจะแนะนำมาก แค่หาวิญญาณให้เจอก่อนที่มันจะตีเราก่อนก็พอ และใช่ จำ Puzzle กับทางให้ดีๆ ด้วยล่ะ ควรรู้ว่าควรไปไหนก่อน



             เห็นผมมีทริคแค่นี้บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอบอกไว้เลยว่าตอนเล่น Nightmare ผมเล่นแบบนี้จริงๆ ถ้าอยากจะรู้ทริคผีล่ะก็ ผมก็มีอยู่ไม่กี่ตัวนะเท่าที่จำได้อย่าง ผีตาบอด ถ้ามันหายตัว แสดงว่ามันอยู่ข้างหลังเรา ยาเอะ ถ้าเธอลอยขึ้นไปบนฟ้า เธอจะร่วงลงมาตรงที่เราอยู่ ให้เงยหน้าขึ้น ใน Nightmare ทาคามิเนะจับทีเดียวตาย ถ้าไม่มีศิลากระจก  (Stone Mirror)  เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงเรียวโซ ส่วนผีเด็กหรือวิญญาณธรรมดา จะจับแรงกว่าปกติเฉยๆ ไม่ตาย แต่สมุนไพรจะฟื้นเลือดให้เราน้อยลง



อันนี้เป็นแรงค์และเวลาที่ผมเคลียได้ในระดับ Nightmare ขอโทษด้วยที่ภาพมันไม่ชัด เพราะผมไม่มี Card Capture เลยใช้กล้องกากๆ ของผมถ่ายเอา ฮ่าๆๆ

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : Zero Wiki




ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ข้างล่างนะ :)


-------------------------------------------------------------
Update History
- 20/08/2561 Rewrite เขียนใหม่
- 06/11/2560 อัพเดทข้อมูลระบบการเล่นของกล้อง, หน้าต่าง Finder Mode, การอัพเกรดกล้องพร้อมจำนวนพ้อยท์ที่ใช้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น